บันเทิง

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ 'ยุ้ย' สู่นักแสดงคุณภาพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฝีมือคุณภาพของ "ยุ้ย" จีรนันท์ มะโนแจ่ม ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย


    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -   ทำงานในวงการบันเทิง มาเกือบ 2 ทศวรรษ “ยุ้ย” จีรนันท์ มะโนแจ่ม ถือ​เป็นนักแสดงคุณภาพ ที่รักษามาตรฐานตัวเองได้ดีมาตลอด ล่าสุดกำลังมีผลงานละคร “วิมานมนตรา” ทางช่อง 7HD ที่ถูกพูดถึงไม่น้อยกับบทบาท “เดือนดารา” เรียกว่าการกลับมาลงจออีกครั้งไม่ธรรมดาจริงๆ วันนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” เลยรีบคว้าตัวมานั่งคุยแบบเป็นกันเอง ทั้งเรื่องงานเบื้องหน้า เบื้องหลัง รวมทั้งชีวิตรักหลังแต่งงานกับ “ธันน์” ธนากร

 

   @@ ผลงานมาสเตอร์พีซ
    กระแส “วิมานมนตรา” ดีมาก

    “ต้องบอกว่าเรื่องนี้สนุกมาก ได้รับการติดต่อจากดีด้านานมากแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดกล้องซะที เราก็ถาม พี่หลอด สยม ว่าใกล้เปิดหรือยัง อยากถ่ายแล้ว เพราะตอนอ่านเรื่องย่อมีความรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เพราะบทมันสนุกมาก โดยเฉพาะตัวเราที่เล่นพีเรียดตั้งแต่ ร.5 ร.6 จนปัจจุบัน มีอะไรให้เราทำเยอะมาก ยอมรับนะว่าเครียด วันแรกจนวันสุดท้ายไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้ คือมันหนักมาก แต่ว่าท้าทายมาก ตั้งแต่เล่นเป็นเด็ก แต่งหน้าเขียนคิ้วมากก็ไม่ได้ ทำอะไรมากก็ไม่ได้ แต่ดีตรงที่มันเรียล ขายตัวเป็นนางโลม พ่อแม่ถูกฆ่าตาย เราแทงพ่อตัวเองตาย ป้ากับลุงข่มขืน พาไปขายซ่อง แล้วกลับมาล้างแค้นทุกคน ใครที่ทำอะไรกับเขาจะถูกตอบโต้หมด แต่จริงๆ เขาเป็นคนดีไม่ได้ร้ายแต่กำเนิด เขาจะร้ายกับคนที่ร้ายกับเขา เพราะฉะนั้นความยากอยู่ตรงที่สื่อยังไงให้คนรู้ว่าเรารักคนนี้จริง แค้นหรือเกลียดคนนี้ ทำยังไงให้คนดูรู้ว่าเราเกลียดจริง”

 

    ท้าทายกับการกระชากวัยสุดๆ
    “ตอนแรกอ่านบท แค่อายุ 16 ต้องบอกว่าใจร้ายมากเลย แต่ผ่านมาได้ พอแต่งหน้าจัดก็สมวัยหน่อย ตอนเล่นเป็นเด็กคือเกร็งมาก เรื่องนี้ต้องบอกว่าบทหลากหลายมาก ทำร้ายตัวเอง ตบตีตัวเอง ใช้เข็มขัดเหล็กฟาดตัวเองแต่หน้าต้องไม่เจ็บ แต่จริงๆ เจ็บมาก กระดูกที่หลังเราเป็นแผลหมดเลย ต้องฟาดจริง หลายเทคเพราะว่าหลายมุมกล้อง เจ็บมากน้ำตาไหล แต่หน้าต้องไม่เจ็บ พี่เอกบอกมองหน้าน้องแล้วเริ่มจะกลัวเหมือนโรคจิต มันไม่เล่นจริงไม่ได้ หลังจากคัทคือลงไปนั่งกับพื้น โอ๊ยเจ็บ อาบน้ำคืนนั้นแสบไปหมด ใครจะบอกว่าเล่นร้ายไม่เหนื่อย เหนื่อยมากกับเรื่องนี้”

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

 

    การกลับมาครั้งนี้ของยุ้ย แฟนๆ บอกว่าสมการรอคอบ
    “คนจะชอบให้ยุ้ยเล่นบทแบบนี้ คนก็ชื่นชอบนะกับการที่ยุ้ยเล่นร้าย ฟีดแบ็กดีมาก พอมันร้ายพีเรียดก็เล่นอะไรได้เยอะ แต่ก็ยังกลับไปหวานใสๆ ได้อยู่นะ จริงๆ ก็เบื่อถ้าต้องเล่นร้องไห้ เจ้าน้ำตา เรียบร้อย อยากจะเปลี่ยนบทไปเรื่อยๆ”

    เล่นบทที่เครียด หรือร้ายมากๆ มันติดกลับไปที่บ้านบ้างไหม
    “ไม่มีหรอก เพราะว่ายุ้ยเรียนการแสดง เล่นละครมาเยอะ เรามีวิธีการจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง เอาแค่เลิกออกไปจากฉากก็มีความสุขแล้ว บ้าๆ บอๆ ทำกับข้าวกินกันกับน้องๆ ก็ปกติ”

 

    ถามถึงละครเรื่องต่อไป “ตะวันอาบดาว”  ได้ข่าวว่าเลิฟซีนจัดจ้าน
    “ตอนนี้มีตะวันอาบดาว ซึ่งจะแซบคนละแบบ เรื่องนั้นเลิฟซีนดุเดือดมาก มากกว่าเรื่องนี้อีก เออ…ทำไมเดี๋ยวนี้ได้รับแต่อะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) แต่จะเป็นคนละเรื่องกับวิมานมนตราเลย จะเป็นละครปัจจุบัน มีฉากเลิฟซีนแรงๆ ที่ยุ้ยไม่เคยเล่นมาก่อน ถือเป็นเรื่องที่ยากสำหรับการเป็นนักแสดงของยุ้ย ให้ไปร้าย ไปบู๊ ง่ายกว่าให้ทำแบบในตะวันอาบดาวอีก ต้องไปดูในละคร คือมันจะมีความยั่วยวนเยอะมาก กินเด็กด้วย (หัวเราะ)”

 

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

    @@ วิถีนักแสดง
    ยึดติดไหมกับคำว่า “นางเอก” 

    "จริงๆ ยุ้ยคิดว่าตัวเองคือนักแสดงมากกว่า ไม่ใช่นางเอก ฉะนั้นต้องเล่นได้ทุกบทและอยากทำให้ดีด้วย เอาจริงๆ ตัวยุ้ยเองยังเบื่อเลยกับคำว่านางเอกที่ต้องเล่นเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาทุกเรื่อง ยุ้ยอยากเล่นทั้งบู๊ทั้งร้าย หรือบทที่มีอะไรให้เล่นให้ท้าทาย พอได้รับบทอะไรแบบนี้จะตื่นเต้นทุกครั้ง และรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กใหม่เวลาต้องมาเข้าฉาก (หัวเราะ)”

 

 

    เล่นละครด้วย ทำละครด้วย ถือว่าหนักแค่ไหน
    “หนักมาก คืองานค่อนข้างหนักมาก แล้วไหนจะธุรกิจของตัวเอง ปีที่แล้วยอมรับเลยว่าหนักจริง เหนื่อยมากแต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ทุกอย่างเริ่มผ่อนคลาย ปีนี้เป็นปีที่มีความสุข ยุ้ยผ่านทุกอย่างมาหมด ผ่านการเตรียมตัวที่จะต้องแต่งงาน ธุรกิจทุกอย่างก็ลงตัว ละครก็ปิดกล้องแล้ว ละครที่ตัวเองทำก็จะปิดกล้องแล้ว ในการทำงานผู้จัดตอนนี้ก็ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ตอนนี้ผ่านไป 2 เรื่องแล้ว คือเราก็ยังวางแผนทำละครต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ช่องเมตตาอยู่ และยุ้ยก็รักงานในวงการบันเทิง เพราะที่ผ่านยุ้ยได้อะไรจากวงการบันเทิงเยอะมาก ทั้งงาน ทั้งครอบครัว (ยิ้ม)”

 

 

    การเป็นนักแสดง และผู้จัดละคร ความกดดันต่างกันมากไหม
  
 “ด้วยความรับผิดชอบมากกว่า การเป็นนักแสดงรับผิดชอบตัวเองคนเดียว แต่พอเป็นผู้จัดต้องดูแลทุกคนเลย ทั้งทีมงาน นักแสดงทุกคนในเรื่อง คือมันเหนื่อย แต่มันเหนื่อยคนละแบบ”

 

 

    อยู่วงการมาเกือบ 20 ปี เริ่มเบื่อหรือยัง
    “หลายคนเห็นตั้งแต่ยุ้ยยังเป็นเด็กๆ เข้ามาตอนอายุ 19 ตอนนี้ 38 จะ 39 แล้ว พูดง่ายๆ คืออยู่ในวงการบันเทิงมาครึ่งชีวิต อาชีพนักแสดงอยู่ในสายเลือด ทุกๆ เช้าที่ได้ตื่นมาทำงาน ไม่เบื่อเลยค่ะ ยุ้ยจะเบื่อได้ยังไงในเมื่อมันคือสิ่งที่ยุ้ยรัก ถ้าวันหนึ่งให้ยุ้ยเลิกเล่นละครแล้วให้ไปนั่งหน้าคอมพ์ทำไม่ได้แน่นอน”

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

    ไม่คิดจะลาวงการเลยใช่ไหม
    “ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีความคิดในหัวว่าจะเลิกเล่นละคร ยุ้ยคงจะอยู่ในวงการแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะเล่นละครไปจนกว่าจะลุกจากเตียงไม่ไหว จนตอนนี้มีความรู้สึกว่าจะต้องมีน้องเนี่ย ใจก็คิดไปล่วงหน้าแล้วว่าถ้ามีน้องแล้วจะไปถ่ายละครได้มั้ย จะเป็นยังไง คิดไปถึงขั้นนั้นแล้ว”

 

    วงการบันเทิงเปลี่ยนไปเยอะมาก ปรับตัวยังไง
    “ปรับตัวไปตามสภาพเลยค่ะ ยุ้ยคิดว่าอะไรจะปรับเปลี่ยนขนาดไหนเราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อยู่ในฐานะรุ่นพี่ ในฐานะนักแสดงที่ยังรับผิดชอบต่อหน้าที่ ถ้าวางตัวเองแบบนี้ได้เชื่อว่าก็ไม่มีอะไรมาทำอะไรเราได้ เราก็อยู่ของเราไปแบบนี้ โลกจะเปลี่ยนแค่ไหนเราต้องอยู่ให้ได้”

 

    วิธีที่ทำให้ขึ้นมายืนเป็นนักแสดงคุณภาพแถวหน้า
    “ยุ้ยจริงใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ตั้งใจอดทนกับสิ่งที่ได้เจอ ยุ้ยเชื่อว่างานทุกงานหรือทุกอาชีพไม่มีอะไรที่ไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นถ้ามันมีปัญหานั่นคือเราจะอยู่ยังไงกับมันให้ได้ แล้วทำทุกอย่างด้วยความจริงใจของเรา การที่ยุ้ยมีทุกวันนี้เพราะสิ่งที่ยุ้ยทำแล้วตั้งใจมาตลอด จริงใจและซื่อสัตย์กับอาชีพตัวเอง จริงใจต่อเพื่อนร่วมงานทุกคน เชื่อว่าถ้ายุ้ยไปร่วมงานกับที่ไหนไม่มีใครไม่ชอบหรือเบื่อแน่นอน ทุกคนก็จะเมตตาเรา”

 

    วางอนาคตในวงการไว้ยังไง
    “เรื่องของการเป็นนักแสดงก็คงจะเล่นไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ผู้ใหญ่ยังเมตตาอยู่ ในฐานะผู้จัดก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ”

 

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

    @@ ชีวิตหลังม่านมายา
    มีไปทำธุรกิจด้วย
    “เรื่องธุรกิจก็ทำด้วยกันอยู่แล้ว ยุ้ยทำแบรนด์กระเป๋าไปต่างประเทศ ไปดูงานเขาก็ไปด้วย ไปช่วยเทคแคร์ เขาก็ทำหน้าที่ที่เขาจะทำได้ทั้งหมด”

    กับหน้าที่แม่บ้านล่ะเป็นยังไงบ้าง
    “ก็ต้องดูแลสามีด้วย ดูแลแม่ ดูแลครอบครัว แต่มันมีความสุข คือมันเหนื่อยอยู่บนความสุข ถ้าไม่มีอะไรให้ดูแลแบบนี้คงจะทุกข์กว่านี้ เรื่องแบ่งเวลา ยุ้ย กับ ธันน์ แต่งงาน ต่างคนต่างไปทำงาน และก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน วันหยุดได้ไปเที่ยวไปพักผ่อนกันบ้าง พออย่างงานผู้จัดก็จะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน แต่ตอนนี้แบ่งเวลาให้แม่มากกว่า เพราะว่าแม่คิดถึงเลยต้องกลับไปหาแม่บ้าง ว่างวันเดียวคืนเดียวก็ต้องกลับ ได้กลับไปให้เขาเห็นหน้าหน่อยก็ยังดี ทุกวันนี้กับ ธันน์ ก็เจอกันแค่กลางคืน”

    การใช้ชีวิตคู่เป็นยังไง
    “หลังแต่งงานมา 1 ปียุ้ยว่าเรารักกันมากขึ้น ตอนนี้มีความรู้สึกเหมือนเราเป็นคนคนเดียวกัน มีความสุขเหมือนรักกันมากขึ้น ดูแลกันมากขึ้นเ พราะว่าเรามีอีกหนึ่งคนเข้ามาในชีวิต เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วไม่ว่าจะทำอะไรก็ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ เพราะเรามีเขาเป็นคู่ชีวิตก็ต้องช่วยกันตัดสินใจทุกอย่าง ก็พยายามจะทำอาหารให้สามี (ยิ้ม) เขาก็กิน ล่าสุดมีเวลาได้อยู่กัน 15 วัน 24 ชั่วโมง เพราะว่าไม่ได้ทำงานเลย ไปเที่ยว ไปบ้านต่างจังหวัด ไปกินนอนอยู่บ้านเพื่อน บางคนถามว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา คบเป็นแฟน จนมาแต่งงาน รวมกันถึงตอนนี้ 12 ปี ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ ไม่เบื่อนะคะ ส่วนเรื่องทะเลาะกันจุกจิกมันมีอยู่แล้ว แต่มันคือเรื่องที่ให้อภัยกันได้ง่ายมาก ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แล้วพอมาเปรียบเทียบกับความสุขที่เรามี คือเทียบกันไม่ได้เลย ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เขาไม่เคยทำให้ยุ้ยทุกข์ใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิงหรือเรื่องอะไร แล้วยุ้ยก็เคยผ่านการมีแฟนมาแล้ว ก็จะมีความรู้สึกว่าเออ…ไม่เหมือนกัน มันเทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่เขาซื่อสัตย์กับเรา หรือสิ่งที่เราอยู่ด้วยกันแล้วเรามีความสุข กลับกลายเป็นตอนนี้วันไหนห่างกันจะเริ่มคิดถึง เพราะอยู่ด้วยกันมานาน มีความรู้สึกว่าชีวิตเรามีเขาทุกวัน เหมือนที่บอกตอนนี้กลายเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต อนาคตถ้าจะมีปัญหาก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้มีความสุขมาก”

 

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

 

    นิยามความรักเปลี่ยนไปไหม หลังมีครอบครัว 
    “ความรักคือความสุข การเสียสละ และให้อภัย ยุ้ยเชื่อว่าความรักอย่างเดียวมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ค่ะ”

    มองเรื่องของการมีทายาทไว้บ้างไหม
    “เรื่องนี้คุยกันแล้วเพราะธันน์อยากมีลูกมาก แต่ก็คุยไว้ด้วยว่าถ้าไม่มีก็ไม่เป็นอะไร เราไม่อยากคาดหวัง เพราะยิ่งคาดหวังจะยิ่งไม่ได้ ตอนนี้คิดแค่ว่าถ้าใครมีบุญจะได้มาเกิดเป็นลูกเราก็มา ตั้งใจไว้ว่าเดี๋ยวปิดกล้องละครตะวันอาบดาว จะไปฝากไข่ จะฝากไว้ก่อน ลุยงานอีกสักปี 2 ปีค่อยมีน้อง แต่ก่อนจะไปฝากไข่ ยุ้ยก็ดูแลสุขภาพ ตอนนี้ออกกำลังกายหนักมาก แล้วจะไปเที่ยว 1 เดือนเต็มๆ กินเที่ยวพักผ่อนไม่ร้องไห้ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องคิดงาน เพราะตั้งใจจะมีลูกแล้ว อยากมี 2 คน ตอนนี้คนเดียวก็ดีใจแล้ว สุขภาพของเราแข็งแรง แต่ไข่ไม่มี เพราะอาจจะทำงานหนัก เครียด และพักผ่อนน้อย อยากได้แฝดเหมือนกัน ก็วางแผนกับคุณหมอไว้เหมือนกัน แต่ก็ใช้วิธีธรรมชาติก่อน ทำทุกอย่างถ้าจะมีได้ แม่ก็อยากอุ้มหลาน ถ้ามีเด็กก็ไม่เหงา แล้วเขาก็กลัวว่าเราจะอายุเยอะไปมากกว่านี้แล้วจะมีไม่ได้ คนแรกธันน์อยากได้ผู้ชาย แต่ยุ้ย อยากได้ผู้หญิง เพราะอยากได้ลูกที่เหมือนเราเลี้ยงดูพ่อแม่”

    ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวชีวิตของนักแสดงที่ชื่อ “ยุ้ย” จีรนันท์ มะโนแจ่ม ...   

เรื่อง : เมธาวี ดีมี
ภาพ : ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

 

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

 

 

จริงใจกับสิ่งที่ทำ นำ \'ยุ้ย\' สู่นักแสดงคุณภาพ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ