"เข้ม" หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล พระเอกดาวรุ่งมาแซงทางโค้งแห่งวิกหมอชิต
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - เข้าวงการได้ไม่นานแต่ดูเหมือนจะขึ้นแท่นลูกรักไปแล้วสำหรับ “เข้ม” หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล กับละครเรื่องล่าสุด “หัวใจลูกผู้ชาย” ซึ่งเรื่องนี้แสดงร่วมกับ “นาว” ทิสานาฏ ศรศึก ล่าสุด “บันเทิง คม ชัด ลึก” มีโอกาสพูดคุยกับนักแสดงหนุ่ม บทความนี้อาจจะทำให้แฟนๆ รู้จักผู้ชายคนนี้ดีขึ้น
*** ผลงานละครเรื่องล่าสุด***
@@ ละครเรื่องใหม่ หัวใจลูกผู้ชาย
เรื่องนี้เราถ่ายทำกันละเอียดไม่ว่าจะเป็นตัวละครต่างๆ คาแรกเตอร์ก็จะแตกต่างกันออกไป โดยตัวนพก็จะมีความตั้งใจ มุมานะ อดทน รักความถูกต้อง ทำสิ่งที่ดี และผมก็เป็นเสาหลักในการหาเงิน กึ่งดราม่า แอ็กชั่น เรื่องนี้ค่อนข้างจะเข้มข้น การถ่ายทำก็จะออกแนวภาพยนตร์ ความรู้สึกลึกในหลายๆ ซีน ก็จะมีจุดเปลี่ยนของตัวนพ คือตอนที่ทราบเรื่องว่าพ่อเราโดนเพื่อนกับแม่หักหลัง เราก็เริ่มตามหาและเกิดความแค้นขึ้น
@@ เล่นกับ “นาว” เป็นครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
พี่นาวเก่งอยู่แล้ว เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ยิ่งมาสวมบทบาทเป็นปิ่นปัก ยิ่งมีเสน่ห์และน่ารักเข้าไปอึก การทำงานก็ไม่มีอะไรขัดเขินมาก เพราะก่อนจะถ่ายทำเราก็มีการเวิร์กช็อป มาพูดคุยทำความรู้จักในเรื่องนิสัยส่วนตัวของกันและกัน ซึ่งเราก็เข้ากันได้ง่าย เราสนิทกันเร็ว เราคุยกันได้ทุกเรื่อง พี่นาวเป็นพี่สาวที่ดี เวลาผมอยากปรึกษาในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดง หรือเรื่องการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง เขาก็จะบอกว่าเราควรวางตัวในรูปแบบไหน เขาแนะนำในทางที่ดี ส่วนมากก็จะเป็นประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาเคยเจอมา คือเราก็คุยกันหลายเรื่อง โดยส่วนตัวผมเป็นคนเฟรนด์ลี่
@@ เรื่องนี้จูบจริงเยอะมาก
เรื่องนี้ต้องจูบจริง ถามว่าเกร็งไหมก็นิดหน่อย แต่เราก็เซฟตัวเองโดยการขออนุญาต และหลังจากที่เราเลิฟซีนเสร็จก็จะขอโทษ ทุกอย่างจะอยู่ในกรอบของงาน จะอยู่ในกรอบของตัวแสดงที่อยู่ในโครงเรื่องทั้งหมด เราไม่มีเจตนาที่จะไปล่วงเกินพี่นาว ตอนแรกที่ทราบว่าต้องมีเลิฟซีนเราก็ตื่นเต้น เพราะเป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่มีเลิฟซีน แต่โชคดีที่พี่นาวเป็นคนที่มีอะไรเขาจะอธิบายให้แล้วเราก็จะค่อยๆ คุยกัน จนความเกร็งความเขินอายจางลง แต่เมื่อมันถึงตัวละครของเราแล้วก็จะไปตามฟีลตามอารมณ์
*** ก้าวย่างในวงการบันเทิง ***
@@ เข้มเข้าวงการได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้ผมเรียนมาทางด้านวิชาชีพอยู่ระดับปวช. เรียนทางด้านช่างกล ช่างจักร (เครื่องจักร) ที่เข้าวงการมาได้เพราะผมก็ได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง คือเราอยากทำงานหารายได้เอง ก็เริ่มจากการเดินแบบและเรียนไปด้วยควบคู่กันไป ช่วงที่เดินแบบก็มีพี่ที่ดูแลผมคนปัจจุบันนี่แหละที่เข้ามาทาบทาม เข้ามาถามผมว่าอยากเป็นนักแสดงช่อง 7 ไหม หลังจากนั้นเราก็มีทำเทปแนะนำตัว ก็ส่งเทปไปทิ้งไว้เผื่อจะมีบทที่ตรงกับตัวเรา หลังจากนั้น 2 เดือนทางช่องก็เรียกตัวไปเซ็นสัญญา หลังจากนั้นอีก 2 เดือนก็เริ่มมีงานละคร เรื่องแรกที่ผมแสดงคือ “ไฮโซสะออน” เรื่องต่อมาคือ “เจ้าสมิง” ปีนั้นก็ได้ถ่าย 2 เรื่องนี้ถ่ายพร้อมๆ กัน ตอนนี้ผมก็ยังเรียนอยู่นะ ยังเรียนที่ธุรกิจบัณฑิต ตอนนี้กำลังขึ้นปี 3 แล้ว เรียนนิเทศภาพยนตร์ ที่เรียนด้านนี้เป็นเพราะว่าพอเราได้เข้ามาในวงการบันเทิงเลยอยากเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวงการบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อยากเรียนรู้ให้มันสุดๆ ไปเลย
@@ตั้งแต่เซ็นสัญญาเข้ามาอยู่ที่ช่องก็มีงานละครแน่นตลอด
เซ็นสัญญามาได้ 2 ปีมีผลงานแน่นไปไหม ผมไม่ทราบว่าสำหรับคนอื่นเป็นอย่างไร แต่ผมเป็นปกติพอถ่ายจบด้วยผลงานด้วยอะไร ผู้ใหญ่ก็ยื่นผลงานเรื่องใหม่มาให้ ผมก็พร้อมที่จะรับเพราะผมอยากทำงานอยู่แล้ว ตอนที่เรียกเซ็นสัญญาตอนนั้นผมอายุ 19 ย่าง 20 ตอนนี้อายุ 21 ย่าง 22 ปีแล้ว ซึ่งเซ็นสัญญาไป 5 ปี
@@ พอมาเป็นดาราชีวิตเปลี่ยนไหม
ยังธรรมดาอยู่ ก็ยังทำงานที่เราได้รับโอกาสมาเต็มที่ทุกวันเป็นปกติ กับพี่ๆ น้องๆ คนรอบข้างที่เจอน่ารัก แต่ก่อนเป็นอย่างไรตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้น พอมาเจอพี่ๆ ในวงการก็มีแต่คนดีๆ คอยแนะนำแต่สิ่งดีๆ ให้ จะมีเพิ่มเติมขึ้นมาก็คือเวลาที่เราไปเดินห้างหรือเดินตลาด ก็จะมีแฟนละครเข้ามาทักทายบ้าง คือเขาก็อยากเจอเรา ชื่นชอบผลงานของเรา ก็เข้ามาทักทาย พูดคุย ถ่ายรูปกับเรา ส่วนเรื่องการแต่งกายเวลาไปงานเราก็แต่งกายตามความเหมาะสม แต่ถ้าเป็นเวลาส่วนตัวผมก็จะแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีน กับเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย ผมโชคดีที่ได้เพื่อนดี ที่มหาวิทยาลัย เขาก็คอยช่วยเราเวลาที่เราถ่ายงานหนักๆ มีบางครั้งที่เราไม่ได้ไปเราก็สามารถตามงานกับเพื่อนๆ ได้
*** เขาว่าเราคือลูกรัก ***
@@ ขึ้นแท่นลูกรักของช่อง
ไม่เชิงลูกรักหรอก คือทุกคนก็มีงานที่เหมาะสม ซึ่งผมก็ได้รับโอกาสที่ผู้ใหญ่คิดว่าเราน่าจะเหมาะสม คือทุกคนมีงานหมด และน่าจะมีงานเท่ากันหมด ผมว่าผมเองยังไม่ใช่ลูกรัก แต่เป็นช่วงที่เราพัฒนาตัวเองก็ถือเป็นความโชคดีขที่เล่นละครมา 4 เรื่องนางเอกไม่เคยซ้ำกันเลย เรียกว่าเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ดี เพราะตัวละครก็จะมีความน่ารัก มีเสน่ห์ และมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป คือนางเอกทุกคนที่ผมเจอมามากฝีมือกันอยู่แล้ว นอกจากนี้พี่ๆ นักแสดงรุ่นใหญ่ต่างมีความสามารถ โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบฟัง จะขอคำปรึกษาต่างๆ จากทุกๆ ท่านว่าผมควรปรับอะไรอย่างไร เพราะผมต้องฝึกตัวเองอีกเยอะเลย
@@อึดอัดไหมที่ตอนนี้ใครต่อใครต่างวิจารณ์ว่าเราเป็นลูกรัก
โดยส่วนตัวไม่อึดอัด คือถ้าเขารู้จักเข้มจริงๆ ก็จะรู้ว่าเข้มเป็นคนอย่างไร ส่วนใหญ่เวลามีคนมาถามเรื่องเป็นลูกรัก ผมก็จะตอบว่าเป็นเรื่องของความเหมาะสมทั้งหมด และโอกาสที่เราได้รับ ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่าผมก็ทำเต็มที่กับทุกโอกาสที่ผมได้รับมา ก็เป็นความโชคดีของผมที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสมาก และถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าผมทำงานออกมาเป็นอย่างไร ผมสวมบทบาทตัวละครต่างๆ ที่ได้รับมาได้มากน้อยแค่ไหน
@@งานเยอะมีเหนื่อยไหม
ไม่เหนื่อย คือผมจะบอกตัวเองทุกวัน แค่ก้าวออกจากบ้านเราก็มีความสุขแล้วที่ได้มาทำงาน ถ้าวันไหนไม่มีงานทำผมจะเศร้ามากเพราะผมจะไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีเงินเลี้ยงดูครอบครัว เพราะตอนนี้ผมเหมือนเสาหลักในการหาเงินเลี้ยงครอบครัวซึ่งเมื่อเรามีงานทำเราก็ต้องรับภาระตรงนี้ แต่ทุกภาระก็มีกำลังให้เรา ผมไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำตอนนี้มันเหนื่อย ยาก ลำบากแค่ไหน มันเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำที่ผมได้โอกาสตรงนี้มา ยอมรับว่าช่วงแรกๆ มีท้อเรื่องการทำงานโดยเพราะเรื่องการแสดง เพราะเราไม่เข้าใจว่าต้องแสดงอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง คือเราเคยเรียนมาก็จริงแต่การนำมาปรับใช้มันจะไม่เหมือนกัน แต่พอเราเริ่มรู้เกี่ยวกับตัวละครต่างๆ เราก็เริ่มสนุกกับการทำงาน รวมถึงการออกอีเวนท์ต่างๆ ก็ทำให้เราได้เจอผู้คน ทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม มีความสุข มีเสียงหัวเราะ เวลามีปัญหาผมก็จะถามพี่ๆ ในกอง ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านนับว่ามีบุญคุณกับผมมากในเรื่องการแสดง
@@ เวลาที่ถูกวิจารณ์ผ่านโซเชียลรู้สึกยังไง
ผมมองว่าโซเชียลสำคัญแต่มันก็มุมอันตรายเหมือนกันเป็นดาบสองคม คือถ้าเราเล่นด้วยสติมันก็จะออกมาดี เวลาจะเล่นจะลงอะไรก็ต้องอยู่ในวิจารณญาณของคนที่เล่นและคนที่เสพของแต่ละคน
@@มองอนาคตในวงการบันเทิงไว้อย่างไร
อยากทำงานทุกงานให้เต็มที่ อยากให้คนดูได้เห็นพัฒนาการด้านการแสดงของผมไปเรื่อยๆ
*** มุมส่วนตัว ***
@@ ชีวิตในครอบครัวเป็นยังไง
ตอนนี้คุณแม่ก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ต้องเป็นผมที่หาเงินมาให้ทุกคนในครอบครัวอยู่สบาย ผมมีพี่สาวอีก 1 คน คือผมกับพี่สนิทกันมาก คุยกันได้ทุกเรื่อง มีอะไรก็ปรึกษาพี่สาว คือผมเป็นคนที่สนิทกับครอบครัวมาก จะหอมแก้ม มีอ้อนแม่บ้างเป็นเรื่องปกติ ตอนนี้งานมากขึ้นไม่มีโอกาสเจอท่านเราก็ยังโทรหากันปกติ อย่างเวลาที่เรานั่งรถไปทำงานเราก็จะคุยโทรศัพท์ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบ กับคุณตา คุณยาย คุณพ่อ บ้าง การที่เราได้พูดคุยกับครอบครัวมันทำให้เราอุ่นใจและมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ แต่คุณพ่อคุณแม่ของผมก็หย่ากันไปตั้งนานแล้ว แต่เราก็ยังเจอท่านเป็นปกติ ก่อนหน้านี้ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่บึงกาญ จ.หนองคาย ตอนนี้ก็พาคุณแม่มาอยู่กรุงเทพฯ เราก็วาดฝันอยากมีบ้าน มีรถที่เป็นของเราเอง คือคุณแม่ชอบจัดบ้าน เราก็อยากซื้อบ้านแล้วให้ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา อย่างเวลาคุณตาคุณยายมาเที่ยวกรุงเทพฯ เราก็อยากให้มาอยู่บ้าน ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นแรงใจให้เราทำงาน ให้เรามีเป้าหมาย
@@ เห็นหลานเป็นพระเอกคุณตาคุณยายว่าไงบ้าง
ท่านปลื้มนะ จริงๆ ท่านเป็นคนที่มีบารมีที่บ้านอยู่แล้ว เพราะท่านจะชอบทำบุญทำกุศล สร้างพระประธาน ท่านเปรียบเสมือนพ่อพระในหมู่บ้าน ที่บ้านมีการสร้างพระประธาน คุณตาก็จะเป็นคนคิด คนเริ่มสร้าง จัดแจงทุกอย่าง ผมก็ไปช่วยบ้าง ซึ่งทุกปีท่านจะทำบุญพระใหญ่และทำผ้าป่า ได้มากได้น้อยแล้วแต่จิตศรัทธา แต่ปีนี้ได้เยอะหน่อย คือด้วยผลงานจากการแสดง และทุกปีผมจะไปร่วมงานบุญอยู่แล้ว และปีนี้เรียกว่าโชคดีที่มีเพื่อนๆ นักแสดงลงไปช่วยเยอะ ไปโชว์ตัว ไปแสดงคอนเสิร์ต ทุกคนก็รอคอยก็เลยทำให้ได้เงินทำบุญเยอะหน่อย
*** หัวใจที่โสดสนิท***
@@ หัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
หัวใจยังว่าง เราทำงานก็ไม่มีเวลาไปดูแลใคร และทุกวันนี้ผมอยู่กับแม่ก็อ้อนแม่ไปก่อน (ยิ้ม) คือเรื่องความรักแม่ก็ปล่อย ลูกจะชอบใครรักใครก็แล้วแต่ลูก แต่ด้วยความที่เราต้องทำงานทุกวัน เรายังโฟกัสอะไรหลายๆ เรื่องไม่ได้ ตอนนี้โฟกัสเรื่องเดียวคือทำงานออกมาให้เต็มที่ แต่ถ้ามีโอกาสหรือมีใครจะเดินเข้ามาก็จะแจ้งให้ทราบ
@@ สเปกสาวเป็นอย่างไร
ผมชอบผู้หญิงขาว สูง ยิ้มเก่ง ทัศนคติดี นิสัยดี เป็นคนดี แต่ตอนนี้ยังไม่เจอ คือผมเป็นคนสนุกสนาน เป็นคนชอบอ้อน ตอนนี้ยังสนุกและมีความสุขกับการทำงานในทุกวัน
สัมผัสอีกมุมหนึ่งของพระเอกมาแรงคนนี้
เรื่อง : เสาวลักษณ์ ปึงทมวัฒนากูล
ภาพ : กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง