'ฟันธง 'โอม' ลงจอ  'ช่องวัน' ส่วน 'ชมพู่-แอฟ' รอลุ้น 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - หลังจาก "ช่องพีพีทีวี" ดึงนางเอกวิกหมอชิตทั้ง "ปุ๊กลุก" ฝนทิพย์ และ "ขวัญ" อุษามณี มาร่วมงาน ล่าสุด "ช่องวัน 31" ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีข่าวว่าแอบซุ่มเงียบดึงพระเอกนางเอกตัวท๊อปของช่อง 3 ทั้ง "ชมพู่" อารยา "แอฟ" ทักษอร และ "โอม" อัชชา ที่เตรียมโดดมาเล่นที่ช่องวัน ล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอ "ป้อน" นิพนธ์ ผู้อำนวยการสายงานการผลิตละคร บริษัท เดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ช่องวัน 31) จึงถามถึงเรื่องนี้
 

    ล่าสุดมีภาพออกมาว่า "โอม" อัชชา มาฟิตติ้งละครเรื่อง "แก้วขนเหล็ก" ของช่องวัน31 
    "มีภาพหลุด (หัวเราะ) จริงๆ ต้องเรียนแบบนี้ครับว่าในแก้วขนเหล็ก มันมีพระเอก 2 คน ซี-ศิวัฒน์ เรามีการคุยกันไว้นานแล้ว ซึ่งซีจะรับบทในส่วนของที่เป็นจอมเมฆินทร์ แต่จะมีพระเอกอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่าวิทวัสซึ่งในชาติก่อน เป็นทาสชื่อเที่ยง พอมาชาตินี้ก็ยังต้องมาไฟ้กันอีก เราเลยอยากได้พระเอกที่มีน้ำหนักไม่ด้อยไปกว่าซี-ศิวัฒน์ เพราะตัวแก้วขนเหล็ก จะเป็นแหวนที่ตัวพระเอกจะต้องไปเอามาปราบจอมเมฆินทร์ให้ได้ แล้วก็จะมีการสู้กันไปกันมา เพราะฉะนั้นบทนี้จะต้องมีความเทียบเท่า ในสเตตัสเดียวกับซี"
    ถามว่าทำไมถึงไปทาบทามเขามาได้ 
    "คืออันนี้ทางฝ่ายแคสติ้ ตอนแรกเราก็คิดกันอยู่ว่าจะเอายังไงดี เพราะเวลาน้องๆ พี่ๆ นักข่าวถามเรา ก็หยุดอยู่ตรงที่เดิม ที่ว่าพระเอกเป็นซีและนางเอกเป็นหนูนา (หนึ่งธิดา) เพราะตอนนั้นเราเองก็ยังไม่ได้สรุปจากนั้นทางฝั่ง ฝ่ายแคสตติ้งก็มีการนำเสนอโอมอัชชาว่าเขาจะเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าก็ดีก็น่าสนใจเหมือนเป็นตัวที่พระเจ้าส่งมา"
    แปลว่าตอนนั้นทราบว่าเขากำลังจะหมดสัญญากับทางช่อง 3 และจะเป็นนักแสดงอิสระ     
    "ใช่ เพราะจริงๆ แล้วถ้าเขาไม่ได้เป็นนักแสดงอิสระ เราทำงานไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่าเขาอิสระ จริงๆ ถามว่ามีการทาบทามก่อนที่เขาจะหมดสัญญาหรือ เขาหมดสัญญาแล้วค่อยทาบทาม จริงๆ อันนี้ต้องชี้แจงก่อนว่าไม่ว่าจะเป็นนักแสดงที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่อิสระเราทำงานไม่ได้จะให้มาสัญญากันไว้ก่อน เพื่ออย่างนั้นอย่างนี้มันลำบาก เพราะของแบบนี้มันไม่จริง มันไม่ได้มีความเป็นจริงในตอนนั้น สมมติว่าถ้าท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้อิสระมันก็จะมีปัญหาตามมา เพราะฉะนั้นให้อิสระก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาคุยกันให้ชัดเจน"

 

 

    แต่มีข่าวออกมาว่าติดต่อ กับทางโอมตั้งแต่ยังไม่หมดสัญญา
    "เอาจริงๆ อันนั้นเราไม่ได้ทราบในรายละเอียด เท่าที่เราทราบจากฝ่ายแคสติ้ง คือเขาหมดสัญญาแล้วเป็นนักแสดงอิสระ เพราะเรายอมรับเลยว่า เราซีเรียสเรื่องนี้ ว่าการทำงานยังไงเขาก็ต้องอิสระก่อน เราก็ให้ฝ่ายแคสติ้งเช็คให้ชัวร์ เราเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากมาโกหกอะไรใคร ซึ่งพอได้รับการคอนเฟิร์มว่าอิสระ เราจึงทาบทามมาเรื่องนี้"
    แต่ว่าละครเขากับทางช่อง 3 กำลังออนแอร์อยู่แล้วมีข่าวเรื่องมาฟิตติ้งร่วมงานกับช่องวันเหมือนเป็นการเตะตัดขาช่อง 3 หรือเปล่า 
    "อย่ามองอย่างนั้นเลย ยังไงก็วงการเดียวกันช่อง 3 ช่อง one ช่อง 7 หรือช่องไหนๆ ก็เป็นพี่น้องกัน ยังไงเราก็ทำงานร่วมกันและมองหน้ากันอยู่ในวงการนี้ ทั้งน้องๆนักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบทก็วนๆ เวียนๆ กันอยู่แถวนี้ เพราะด้วยงานในวงการนี้มันก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่ คือไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการเตะตัดขาและไม่ได้รู้สึกว่าอะไรเลย ผมเชื่อว่าโลกใหม่อาร์ติสหรือนักแสดงจะเป็นตัวของตัวเอง นั่นคือโลกใหม่ ในแพลตฟอร์มใหม่คือ ดิจิตัลแพลตฟอร์ม หรือจะเป็นลบอร์ดแคสติ้ง เดิมก็ดีในโลกข้างหน้า ทุกคนจะมีอะไรของตัวเองดังนั้นคนที่ทำแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ ออฟไลน์ หรือบอร์ดแคสติ้งจะต้องรู้ว่าศิลปินนักแสดง จะเป็นตัวของตัวเองจะมีสิทธิ์บริหารจัดการตัวเองด้วยเงื่อนไข แค่ไหน อย่างไร กับเอเจนท์เท่านั้นเอง ผมคิดว่าเราควรทำตัวเองให้เป็นเอเจนท์เขา ไม่ใช่เจ้าของเขา ผมว่านั้นคือโลกใหม่ นักแสดงทุกคนมีเอเจนท์แต่เอเจนท์จะเพอร์ฟอร์มหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง  โมเดลของธุรกิจศิลปินนักแสดงทั่วโลกมันจะเปลี่ยน ผมคิดว่าสิ่งนี้ก็กำลังคืบคลานเข้ามาที่เมืองไทยอันนี้เป็นเรื่องปกติ"
    ไม่ได้มีการเซ็นสัญญาเข้าสังกัดใช่ไหม
    "ไม่ๆๆ ไม่ได้เซ็นเพราะเขาก็โตแล้ว ส่วนใหญ่นักแสดงที่โตๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องเซ็นนอกจากว่ารักกันเหลือเกิน แล้วไม่ได้อยากไปตรงไหนอันนั้นก็ว่ากันไป เพราะส่วนหใญ่โอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกัน เราอยากให้เป็นสิทธิที่เขาได้เลือกเอา ว่าเขาทำงานกับเราโปรเจคนั้นโปรเจคนี้แล้วก็ไปทำงานกับคนอื่นด้วย อันนั้นเป็นเรื่องปกติ ในธุรกิจนี้"

 

 

    อีกคนหนึ่ง "ชมพู่" อารยา มีข่าวว่าจะมาเล่นกับทางช่องวัน
    "อ๋อเหรอ...ไม่ๆๆ อันนี้ต้องอยู่กับว่าเขาหมดสัญญาหรือยัง ถ้าเขาหมดแล้วค่อยคุยกัน ถามว่าการทาบทามบ้างไหม ต้องบอกก่อนว่า ผมจะซีเรียสเรื่องนี้มาก ถ้าจะทำ แต่อาจจะมีน้องๆ หรือฝ่ายแคสติ้งที่เขาคุยกัน เพราะเขาจะสนิทกับนักแสดงมากกว่า โดยนโยบายผมคิดว่า ยังไงก็แล้วแต่เขาต้องอิสระก่อน ถ้าฟรีแล้วถึงจะดำเนินการต่อได้ อันนี้คือข้อสำคัญ การที่เราจะแอบทำอย่างนั้นอย่างนี้มันไม่น่ารัก"
    ในส่วนของชมพู่มีการพูดคุยกันไปในระดับไหนแล้ว
    "ยังไม่มี เอาจริงๆ ถ้าถึงขนาดว่าจะมีละครด้วยกัน ผมต้องรู้เรื่องแล้ว อาจจะอยู่ในระดับปฏิบัติการ หรืออยู่ในช่วงพูดคุยกันจากทีมงานที่เขาสนิทสนมกับนักแสดงทุกๆ คนในวงการยี้ เขาคงได้คุยกัน เท่าที่ทราบผมให้นโยบายชัดเจน แต่เรื่องการไปคุยกันก่อนนั้น มันเป็นเรื่องของการชอบพอส่วนตัว แต่ถ้าเรื่องมาถึงตรงเรา มันต้องเคลียร์แล้ว ไม่งั้นมันจะดูน่าเกลียด มันดูไม่ดี"
    สนใจในตัวชมพู่ไหม
    "สนใจคนที่อิสระและมีความสามารถทุกคนแน่นอน คนเราเวลาทำละครเราก็จะดู เพราะเราทำตัวเป็นเอเจนท์ หรือ ผู้จัดการดารา มันจะมองให้เห็นว่าคนนี้ควรจะไปทำอะไร ผมว่าส่วนที่บ้านเรากำลังขาดอยู่ในตอนนี้คือการมองให้เห็นว่าคนนี้ควรพัฒนาไปทางไหนแล้วก็คือมีโรดแมทยังไงกับเขา ส่วนใหญ่มันจะจบลงที่วัยที่เป็นวัยรุ่น แล้วก็จบไป จริงๆ การจัดการนักแสดงคุณอยู่ได้ทั้งชีวิต คำถามคือว่าหลังจากเวลาของเขาแล้วอายุมากขึ้นไม่ได้แปลว่าแก่และไม่ได้แปลว่าเขาหมดสภาพ คุณยังมีบทที่อยู่ในทางของนักแสดงที่ดีได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่าง "นก" สินจัย คือทำไมเขาอยู่ได่ เพราะเขาเป็นนักแสดงจริงๆ ถึงเขาจะแต่งงาน มีลูก ลูกเขาโตแล้วขนาดไหน เขาก็ยังอยู่ได้ ขอแค่ให้เห็นชัดๆ ว่าข้างหน้าไปเขาจะไปอย่างไง ผมว่ามันอยู่ที่การวางโรดแมทว่า 5 ปีข้างหน้าต่อไปจากนี้ เขาเก็นตัวเองยังไง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญนั่นคือสิ่งที่ผมทำอยู่  ดังนั้นก็จะต้องคุย คุยกันแบบตรงไปตรงมาว่าถ้าจะทำร่วมกัน ผมคิดว่าผมควรทำอะไรกับคุณ สิ่งที่คุณผ่านมามีอะไรสิ่งที่เรามีคืออะไร แล้วมามองว่าอนาคตในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่รออยู่คืออะไร  ต้องฉายภาพให้ชัด จะได้เห็นว่าเราทำอะไรร่วมกัน มันไม่มีประโยชน์ที่แค่คิดว่าหนึ่งดปรเจ็คแล้วก็ไป แบบนั้นมันไม่ยั่งยืน เพราะสิ่งที่เรามันก็ให้ประโยชน์ในกันและกัน เขาได้ เราก็ได้ ไม่ใช่เอาแค่ว่า โอเคเขายังดังอยู่ก็เอามาเล่น มันไม่ยั่งยืน"

 

    อีกคนหนึ่งคือ “แอฟ” ทักษอร
    "แอฟนั้นเขาเป็นน้องคณะที่สนิทกัน เป็นน้องที่คณะนิเทศและสนิทกันวันนั้นเขามาสวัสดีปีใหม่ก็เลยเจอกัน ตอนนั้นเราประชุมช่องพอดี "
    แต่เห็นแอฟบอกว่ามีการส่งบทมาให้ดูกันบ้าง
    "อ๋อ คือมีแค่คุยว่าเป็นยังไงบ้าง คุยกันทักทายกันตามประสา เขายังไม่หมดสัญญามั้ง (แอฟหมดสัญญาแล้ว) อ้าวเหรอ จริงๆ เหรอ จำไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ก็คุยกันเรื่องคณะ คุยเรื่องนั่นนี่ ว่าลูกเป็นยังไงบ้าง"
    เห็นว่ามีการคุยกันว่าเสนอบทแซ่บๆ ให้แอฟด้วย  
    "ไม่ได้เป็นอย่างนั้น คืออย่างแอฟ ก็เหมือนกันอสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขามีและข้างหน้าว่าเขาควรจะเป็นยังไง มันต้องหาที่เหมาะกับเขา ว่าเขาควรจะไปอย่างไง  ถ้าให้เขาเล่นแบบเดิมๆ คนก็จะเบื่อ จะมาเรียบร้อยก็ไม่ใช่ อันนั้นก็ไปดูยูทูปของเดิมๆ เขาก็มี เขาก็เล่นอยู่ถูกป่ะ จะเล่นอีกทำไมแบบนั้น ก คือของแอฟกำลังคิดอยู่ ก็มีการคุยกับแอฟว่า “แอฟแกจะเล่นอะไร เขาก็น่ารัก ก็บอกนั่นน่ะซิ หนุกำลังดูอยู่  ก็เลยบอกเขาว่าเดี๋ยวจะลองดูว่ามีอะไร คือมันขึ้นยากนะ กับคนที่มีสเตตัสชัดเจนอย่างเขา ในโลกใหม่กับตัวคาแรกเตอร์ที่เขาเป็นมันจะไปต่อยังไง มันต้องบวกเพิ่มไป คือตัวเขาก็ต้องยังอยู่ แต่ในโลกใหม่กับโมเดิร์นคอนเทนต์ มันไม่ควรจะเป็นคอนเทนต์เก่าๆ ละครรีเมค มันไม่เหมาะกับเขา สำหรับผมนะ ผมก็พูดตรงๆ แบบนี้ ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวถ้ามีเรื่องอะไรเหมาะก็มาว่ากัน"

 

 

    ถามว่ากลับชมยังไม่แน่ แต่กับ แอฟ คือมีลุ้นใช่ไหม 
    "กับแอฟคือมันยังไม่ถึงไหนนะ เพราะจริงๆ เวลาเราคิดเรื่องอย่างแรกเลยคืดเราอยากที่จะให้เขาแฮปปี้ แล้วเราก็ต้องการแฮปปี้กับโปรเจคนี้ ไม่ใช่แค่จะเอาเขามาเล่นเพื่อขายเอเจนซี่ ไปหลอกเอเจนี่ซี่ขาย คือแบบนั้นมันก็ไม่สนุก เพราะทุกๆ คนที่มาทำงานกับเรา เราก็อยากให้เขาแฮปปี้กับคุณภาพที่เป็น กับการทำงานร่วมกัน มันไม่ใช่แค่ว่ามาเล่นละครเรื่องหนึ่งแล้วก็จบ มันเหมือนกับว่าจะต้องมองภาพรวมกัน ว่าข้างคุณจะไปตรงไหน แล้วไปร่วมกันได้อย่างไร  ผมว่านั่นคือความยั่งยืนที่ช่อง one 31 มี"
    คิดว่าอะไรเป็นตัวดึงดูดนักแสดงเข้ามาร่วมงานกับช่อง one
    "ผมว่ามันเป็นวิธีคิดของการทำละคร ผมก็จะบอกทุกๆ คนทั้งนักแสดงหรือทีมงานว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้วความสำเร็จเมื่อวานไม่ใช่ความสำเร็จวันนี้ เราทำละครให้คนปัจจุบันดู ไม่ใช่ให้คนเมื่อ 40 ปีที่แล้วดู เพราะฉะนั้นคนเขียนบทหรือนักแสดงก็ต้องเข้าใจ ว่าคุณกำลังสื่อสารกับคนปัจจุบัน ดังนั้นลืมให้หมดว่าเมื่อก่อนเคยสำเร็จยังไง คุณต้องมาตั้งต้นใหม่ ถ้าคุณลืมไม่ลง ก็จะเหมือนคนแก่ที่โหยหาอดีต แล้วก็จะมาตีอกชกตัวว่าทำไมมันไม่มีความสำเร็จเกิดขึ้นอีก ของแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเราและทัศนคติ ว่าอย่ายึดอยู่กับอดีต ให้อยู่กับปัจจุบัน และขึ้นไปข้างหน้านั่นคือประเด็น เพราะอย่างช่องวันเวลาทำละครแล้วน้องๆ หรือพี่ๆ สื่อมวลชนมาถามว่ารีเมคเหรอ คือเราคิดว่าทุกครั้งที่เราทำ เราพยายามหามุมใหม่ของละครเรื่องนั้นๆ ที่เข้ากับคนปัจจุบันเสมอ เรื่องไหนที่มันทำไม่ได้เราจะปล่อยหมดลิขสิทธิ์ไปเลย หมายความว่าถ้าแก้ไขแล้วทำให้มันเป็นคนปัจจุบันได้ หรือสปิริตกับคนปัจจุบันได้ในคาแรกเตอร์ แล้วคนไม่เชื่อ คนก็บาย ถ้าเขาดูแล้วรู้สึก ลำไย ลองกอง เขาก็เปลี่ยนช่องปังถูกไหม มันเป็นอย่างนี้ นี่คือโลกยุคใหม่มันเป็นแบบนี้ มันไม่ได้มีความที่ว่าทำอะไรมาคนก็ดู เขามี 22 ช่อง เขาเลือกดูได้ ทำไมเขาต้องเลือกดูคุณ ถ้าคุณไม่ได้ทำดี นั่นคือประเด็นมากกว่า ถ้าจะถามว่าทำไมมีคนอยากร่วมงานด้วย เพราะว่าผมทำกับคนปัจจุบัน ที่ยังมีชีวิตอยู่ในเชิงการละคร ไม่ใช่การทำกับความสำเร็จในอดีต"