
กองทัพห่วงรัฐบาลอุ้ม"กษิต"มีแต่จะเจ็บตัว
กองทัพห่วงรัฐบาลเจ็บตัว อุ้ม กษิต นั่งเก้าอี้ รมต.กต.ทวนกระแสสังคม ปัดยังไม่ถึงขั้น จี้ นายกรัฐมนตรี ปลด ให้เวลา นายกฯ ตัดสินใจ หลังประชุมรมต.ตปท.อาเซียน "เทพไท"โต้บิ๊กจิ๋วระบุ คนอีสานยังเอาปชป.
แหล่งข่าวนายทหาร ระดับสูง เปิดเผยว่า ผบ.เหล่าทัพไม่เคยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปลดนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามตั้งข้อหากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ข้อหาก่อการร้าย กรณีที่ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะการปลดนายกษิต ต้องเป็นอำนาจการตัดสินใจของฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
แหล่งข่าวนายทหาร ระดับสูง บอกอีกว่า เมื่อวานนี้ในที่ประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีการเชิญ ผบ.เหล่าทัพ ไปหารือถึงมาตรการการดูแลความเรียบร้อยในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต เท่านั้น ไม่ได้มีการหารือถึงการปลด นายกษิต แต่อย่างใด
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงคนเดิม กล่าวอีกว่า “ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องการปลดหรือไม่ปลด นายกษิฅ เพราะการจะปลดหรือไม่ปลดขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว หากเห็นว่าการที่สำนักงานตำรวจมีการข้อหาการก่อการร้ายกับตัวนายกษิต จะส่งผลกระทบต่อการบริหารของประเทศนายกรัฐมนตรีก็จำเป็นจะต้องปลด เพราะหากนายกรัฐมนตรีทวนกระแสก็จะยิ่งทำให้การบริหารงานของรัฐบาลมีปัญหา”
“ผมเชื่อว่าตอนนี้นายกรัฐมนตรีกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องกระแสกดดันถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ทั้งนี้การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีคงจะเกิดขึ้นหลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และประเทศคู่เจรจา ที่ จ.ภูเก็ต ในระหว่างวันที่ 17-24 ก.ค.นี้ จบลงก่อน เพราะการประชุมครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากกับการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ” แหล่งข่าวนายทหาร ระดับสูง ระบุ
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี อยู่ในสภาวะถูกกดดันจาก 2 ฝ่าย คือฝ่ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายกระแสสังคม ที่มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เป็นตัวจุดชนวน ดังนั้นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ยืนยันว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปลดนายกษิต แต่เห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ จะเกิดปัญหาในเรื่องความเหมาะสมในตัวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
"เทพไท"โต้“บิ๊กจิ๋ว”ระบุ คนอีสานยังเอาปชป.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พูดในเวทีสัมมนาโดยพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คนอีสานไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ และรับไม่ได้กับการปฏิบัติสองมาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนไม่ทราบสาเหตุของ พล.อ.ชวลิต ที่ให้ความเห็นเรื่องนี้ ว่ามีเป้าประสงค์ใด อาจจะอยากเอาใจคนในพรรคเพื่อไทย นายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ เพื่อต้องการให้ตัวเองเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิที่พล.อ. ชวลิต จะเอาใจ เพื่อให้ตัวเองได้รับประโยชน์ แต่ก็ไม่ควรพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ให้เสียหาย
“พรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้นได้ก็เพราะคนอีสาน ผมไม่เชื่อว่าคนอีสานไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้รัฐบาลทุ่มเท เพื่อจะแก้ปัญหาให้คนอีสานอย่างเต็มที่ และให้ความสำคัญกับคนอีสานเป็นลำดับต้นๆ นายกฯได้ปฏิรูปการพัฒนาอีสาน โดยทุ่มงบประมาณนับแสนล้านบาทในการพัฒนาในระบบชลประทาน ผลักดันโครงการโฉนดชุมชน ดังนั้น การที่พล.อ.ชวลิต กล่าวพาดพิงถือไม่เป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้กับไปมองว่า ในฐานะที่พล.อ.ชวลิต ประกาศตัวเป็นเขยอีสาน จะแก้โครงการอีสานเขียว วันนี้เขียวแล้วหรือยัง โครงการวัวพลาสติก วันนี้หายไปไหน คำสัญญาที่เคยบอกว่า ถ้าแก้ปัญหาอีสานไม่ได้จะไปโดดน้ำตายที่แม่น้ำโขง จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมเห็นว่าพล.อ.ชวลิต ยังไม่กล้าเดินไปแถวแม่น้ำโขงเลย เพราะเกรงว่าจะถูกผลักตกแม่น้ำโขง” นายเทพไท กล่าว
ส่วนที่พล.อ.ชวิลิตระบุถึงเรื่องสองมาตรฐานนั้น โฆษกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการพูดมาโดยไม่รับผิดชอบ และไม่ดูข้อเท็จจริง อยากให้คนที่พูดยกตัวอย่างว่ามีอะไรบ้างที่รัฐบาลชุดนี้สองมาตรฐาน เพราะตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ รัฐบาลชุดนี้ยึดหลักนิติรัฐเป็นหลัก และใช้มาตรฐานเดียวมาโดยตลอด และไม่มีการใช้สองมาตรฐานอย่างแน่นอน ซึ่งไม่เหมือนกับยุคพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พล.อ.ชวลิต หรือ ยุคนักการเมืองที่อยู่ภายใต้การบริหารของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชาน พรรคเพื่อไทย ตนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง ไม่อยากให้มีการปั้นเรื่องขึ้นมาเหมือนกรณีเรื่องหมากัดม็อบที่ใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด