โควิด-19

ใช้ "มาตรการ 2U" ป้องกันโควิดช่วงสงกรานต์ ลดกักตัวผู้เสี่ยงสูงเหลือ 5 วัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สาธารณสุข ย้ำใช้ "มาตรการ 2U" ป้องกันโรคโควิดช่วงเทศกาลสงกรานต์ คณะกรรมการฯ เห็นชอบลดกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเหลือ 5 วัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 ถึงกรณี ขอความร่วมมือประชาชนใช้ "มาตรการ 2U" เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และรับเชื้อ โควิด

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ขอย้ำความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น และขอความร่วมมือประชาชนใช้ "มาตรการ 2U" เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และรับเชื้อโควิด 19 คือ Universal Prevention สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง เมื่อใกล้ชิดผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง รวมทั้งงดรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงการดูแลตนเองให้ปลอดความเสี่ยงติดเชื้อ (Self clean-up) ก่อนกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และ Universal Vaccination ทุกกลุ่มอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น

 

โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ให้โรงพยาบาลและรพ.สต.ในพื้นที่เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับผู้สูงอายุและลูกหลานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อและเสียชีวิต

 

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในทุกจังหวัดแต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมากในกลุ่มสีเหลืองและสีแดงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มีอัตราครองเตียงประมาณ 30% ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมยาต้านไวรัสที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ทั้งยาฟาวิพิราเวียร์ ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด รวมถึงจัดหาเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันชนิดออกฤทธิ์ยาว หรือ Long acting antibodies สำหรับฉีดในผู้ที่มีความเสี่ยงและมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อจนมีอาการหนักด้วย

 

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ภาพรวมไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรกกว่า 80% เข็มที่สอง 73% และเข็มที่สาม 35% แต่ยังมีผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่งที่เดินทางไม่สะดวกทำให้ยังไม่ได้รับวัคซีน ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจึงมีการรณรงค์ "Save 608 by booster dose" เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับอสม.ออกสำรวจ และให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกถึงบ้านโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ

1. คณะกรรมการด้านวิชาการฯ มีมติเห็นชอบให้ลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จาก "กักตัว 7 วัน และสังเกตอาการ 3 วัน" เหลือ "กักตัว 5 วัน และสังเกตอาการ 5 วัน" 

2. ในปี 2565 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะสามารถจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ในเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2562 - 2564 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเนื่องจากกรณีวัคซีนขาดชั่วคราวได้จำนวนประมาณ 8 แสนโดส

3. คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติเกี่ยวกับการให้วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด (IPV) ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และขยายการให้บริการวัคซีน IPV เป็น 2 เข็มในเด็กอายุ 2 และ 4 เดือน และวัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) จำนวน 3 ครั้ง ที่อายุ 6 เดือน 1.5 ปี และ 4 ปี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ