โควิด-19

นวัตกรรม "โควิด19" ตรวจหาเชื้อด้วยน้ำกลั้วคอ ประเมินระดับความเสี่ยงได้ดี

นวัตกรรม "โควิด19" ตรวจหาเชื้อด้วยน้ำกลั้วคอ ประเมินระดับความเสี่ยงได้ดี

06 ม.ค. 2565

หมอธีรวัฒน์ เปิดนวัตกรรม "โควิด19" ตรวจหาเชื้อด้วยน้ำกลั้วคอ ให้ AI วิเคราะห์ระดับความเสี่ยง ประเมินประสิทธิภาพการรักผู้ติดเชื้อ

อัปเดตสถานการณ์การระบาดของ "โควิด19" "โอไมครอน" ที่ขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด  ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า 

นวัตกรรมสู้โควิด

6/1/65

ปฎิเสธไม่ได้ว่าโควิด ถึงแม้จะเป็นโอไมครอนก็ตาม ที่แม้จะมีแนวโน้มว่าอาการไม่รุนแรงแต่ยังสามารถกระทบสายงานในโรงงานผลิต หรืองานสาธารณะ ถ้าต้องมีการกักตัวหรือหยุดงาน และรวมถึงผล

กระทบระยะยาวหลังจากการติดเชื้อไปแล้วว่าจะเกิด long COVID หรือไม่ ดังที่มีการรวบรวมสถิติจากหลายสถาบันที่ผ่านมาว่า จะเกิดขึ้นได้ถึง 30% โดยมีอาการในระบบต่างๆ ทั้งเรื่องอ่อนล้า นอนไม่หลับ อาการแข็งเกร็งตะคริว หัวใจเต้นผิดปกติและมีอย่างน้อย 8% ที่กระทบการทำงานของสมอง แม้ว่าอาการขณะติดเชื้อจะไม่ถึงกับหนักก็ตาม

 

ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่คณะแพทยศาสตร์จุฬา จากการพัฒนาการตรวจ น้ำกลั้วคอ ด้วยวิธีแมส สเปคโตรเมตรี ( mass spectrometry) สามารถวิเคราะห์รูปแบบของโปรตีนเพื่อบอกความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ ทั้งนี้โดยการควบรวมกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI โดยสามารถระบุสภาวะความเสี่ยงในระดับต่างๆซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการปฎิบัติตัวอย่างไร จนกระทั่งถึงการกักตัว

 

ทั้งนี้การตรวจเพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาด "โควิด19" ในพื้นที่เช่นโรงงานควรทำการตรวจสองครั้งในวันแรก และครั้งที่สองในช่วงสี่ถึงเจ็ดวันต่อมา ทั้งนี้เนื่องจากในวันแรกอาจยังอยู่ในระยะฟักตัวโดยที่ไวรัสยังไม่ปรากฏ

 

การวิเคราะห์โปรตีนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาเชิงรุกในพื้นที่ควบรวมกับการตรวจมาตรฐาน พีซีอาร์ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและการตรวจซับซ้อนและ ATK ซึ่งถึงแม้จะมีราคาถูกลงและรวดเร็วแต่ยังคงมีอุปสรรคข้อจำกัดในเรื่องของความแม่นยำอยู่บ้าง

 

นอกจากนั้น ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบของโปรตีนในน้ำกลั้วคอของผู้ติดเชื้อที่ทำการเก็บตัวอย่างเป็นระยะตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล อยู่ในระหว่างการรักษาจนกระทั่งจบการรักษา

ทำให้สามารถบอกประสิทธิภาพของการรักษาขณะนั้นได้ โดยดูลักษณะโปรตีนที่เป็นตัวแทนของไวรัส และโปรตีนที่เป็นการตอบสนองของร่างกาย

 

นวัตกรรม \"โควิด19\" ตรวจหาเชื้อด้วยน้ำกลั้วคอ ประเมินระดับความเสี่ยงได้ดี

 

ยกตัวอย่างเช่น ฟ้าทะลายโจรแม้ใช้เพียงสองวันสามารถกดการสร้างโปรตีนจากไวรัสลงได้ แต่เมื่อหยุดยา ไวรัสจะปรากฎขึ้นมาใหม่แสดงถึงการใช้ควรต้องทอดระยะเวลานานขึ้นตามคำแนะนำของกรมการแพทย์แผนไทยกระทรวงสาธารณสุข

และเช่นเดียวกันการรักษาด้วยฟาวิพิราเวีย ในผู้ป่วยบางราย ที่มีลักษณะดื้อยา แม้จะทำให้โปรตีนของไวรัสหายไปก็จริง แต่เมื่อหยุดยาหล้งจากครบ 5 วัน โปรตีนของไวรัสกลับตรวจพบขึ้นมาใหม่ และพ้องกับอาการที่ไม่สงบและต้องใช้การรักษาด้วย เรมเดซิเวียร์ต่อ 

 

ทั้งนี้พ้องกับการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวของโควิดในผู้ป่วยที่ดื้อยาฟาวิพิราเวีย 5 ราย พบลักษณะการผันแปรของรหัสพันธุกรรม (mutation) ของไวรัส เป็นระยะ ในคนๆเดียวกัน แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ยา เรมเดซิเวียร์ ความผันแปรของรหัสพันธุกรรม กลับเข้าที่เดิม ทั้งนี้ได้รับตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติแล้ว