พระเครื่อง

"ไสยศาสตร์" ศาสตร์แห่งการต่อสู้วิถีไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ความเชื่อและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ มีอยู่ในสังคมมนุษย์ทุกชาติพันธุ์ ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ก็มีความเชื่อและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เช่นกัน ในแต่ละชุมชนจะมีรูปแบบของไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สรุปแล้ว ไสยศาสตร์ก็คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิด

เช่น ทำให้สามีภรรยาที่ดีกัน ทะเลาะและแยกทางกัน ทำให้สาวหลงรักหนุ่มที่เคยเกลียด ซึ่งปกติแล้วจะใช้ไสยศาสตร์มาใช้ในทางที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการทำ "คุณไสย" ที่เป็นพิธีกรรม เพื่อทำร้ายผู้ไม่เป็นมิตรด้วยการปลุกเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในตัว หรือฝังรูปฝังรอย หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ลงนะ จากผู้ที่อ้างตัวว่ามีอาคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ทำมาหากินด้วยการหลอกลวงผู้คน หรือที่เรียกว่า พวกสิบแปดมงกุฎ ถึงกระนั้นก็ตาม “คุณไสย” หรือ “มนต์ดำ” ยังมีผู้หลงงมงายมากมาย ไสยศาสตร์ ถือเป็นศาสตร์ที่ลี้ลับมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และมีทั่วโลก แม้กระทั่งในเวลาปัจจุบัน แม้รูปแบบจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำอันตรายต่อผู้คนด้วยวิธีที่ลี้ลับ แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะเจริญก้าวหน้าแล้วก็ตาม แต่ด้วยเหตุที่ว่า เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน เมื่อทำพิธีกรรมก็จะส่งผลต่อผู้ถูกกระทำโดยตรงอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน จะส่งผลด้านจิตใจให้แก่ผู้ถูกกระทำ และถือว่า เป็นธรรมดา เมื่อคนเราถูกกระทำด้วยพิธีกรรมอันลึกลับ ย่อมมีความไม่สบายใจ เกิดความกังวลเป็นธรรมดา และความกังวลนี่เอง เป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น ตัวผู้ถูกกระทำเมื่อเกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ก็จะเอาเรื่องที่ถูกกระทำมาเป็นข้ออ้างถึงสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นกับตนเอง เพราะฉะนั้น ผู้ถูกกระทำจึงต้องหาวิธีการแก้เคล็ดแก้อาถรรพณ์ ในทำนองที่ว่า หนามยอกให้เอาหนามบ่ง จึงหาพิธีกรรมที่ลึกลับยิ่งกว่า เพื่อแก้ไข อย่างไรก็ตาม ทุกการชุมนุม โดยเฉพาะการชุมนุมไล่ หรือล้มระบอบทักษิณของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ ม็อบกู้ชาติ กับ กลุ่มคาราวานคนจน หรือ ม็อบเชียร์นายกฯ ทักษิณ รวมทั้ง ม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือเดิม แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) สุดท้ายก็แบ่งออกเป็น ๒ สี คือ ม็อบเหลือง กับ ม็อบเสื้อแดง หากใครได้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด จะพบว่า มี ๒ สิ่งที่เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน คือ การต่อสู้ด้วยการยกคำพระออกมาพูดรับรองการกระทำของตนเอง หากมองในแง่ดี ในการประท้วงครั้งนี้ ประชาชนได้รับทราบทั้งเรื่องศาสนา ปรัชญา จริยธรรม วรรณกรรม และแนวคิดการต่อสู้ทางสังคมแบบประชาธิปไตยไปพร้อมๆ กัน ส่วนอีกด้านหนึ่ง คือ การต่อสู้ด้วยศาสตร์โบราณ หรือที่เรียกว่า ไสยศาสตร์ นั่นเอง ฝ่ายม็อบไล่นายกฯ ก็ใช้พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ทุกวิถีทาง เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเสื่อม ขณะเดียวกัน ม็อบเชียร์นายกฯ ก็ไม่น้อยหน้ากัน ต่างนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทำพิธีเสริมดวงบารมีให้นายกฯ ชนิดที่เรียกว่า "ฝ่ายหนึ่งทำอะไรอีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องทำออกมาแก้เกมกัน" ชนิดที่เรียกว่า "มีการตั้งทีมงานด้านไสยศาสตร์" ออกมาแก้เกมกันทุกๆ วันเลยทีเดียว หลากหลายพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ที่ทั้งสองฝ่ายนำมาต่อสู้แก้เคล็ดกัน เช่น แขวนพระเครื่อง ใส่เสื้อจตุคามรามเทพ แขวนปลัดขิก ใส่เสื้อยันต์ออกศึก การเผาหุ่นผู้นำทั้งสองฝ่าย จับใส่หม้อถ่วงวิญญาณ ฝังรูปฝังรอย ตุ๊กตาเสียบกบาล นำรูปลอดใต้หว่างขาผู้มีประจำเดือน การปักหมุด ฝังเข็ม ตอกทอย (เอาไม้แหลมๆ ตอกเข้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย) รวมทั้งอาจจะสาปแช่งด้วยการเผาพริกเผาเกลือ ศาสตร์แรก ที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมาใช้ คือ ฤกษ์ วันเวลาสำหรับการเคลื่อนไหว ในการเปิดชุมนุมวันแรก นายสนธิ นำระฆังจากวัดชนะสงคราม เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย เนื่องจากชื่อวัดชนะสงครามเป็นนามมงคล ในกรณีการนำเอาธงหนุมาน ที่เรียกว่า ธงกระบี่ธุช เป็นสัญลักษณ์ของการปฏิบัติภารกิจตามตำรับพิชัยสงคราม นอกจากนี้แล้ว ผู้ร่วมชุมนุมทั้งสองฝ่าย ก็นำเครื่องรางตามคติความเชื่อของตนมาเสริมสร้างกำลังใจ สำหรับพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของกลุ่มม็อบนั้น มีมาทุกยุคสมัย ไม่เฉพาะม็อบขับไล่นายกฯ ทักษิณเท่านั้น วิธีการที่เห็นทั่วๆ ไป คือ การสาปแช่งโดยการเผาพริกเผาเกลือ เช่น ม็อบสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รวมตัวกันมาที่ทำเนียบรัฐบาล ทำการเผาพริกเผาเกลือ สาปแช่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยกเลิกกฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ ที่ทำเนียบรัฐบาล ม็อบพนักงานการไฟฟ้าฯ นับหมื่นคน ได้ร่วมทำพิธีเผาพริกเผาเกลือ เพื่อสาปแช่งรัฐบาล เพื่อให้ยุติการแปรรูปกฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ ชาวล้านนากว่า ๕๐๐ คน ร่วมทำพิธีเผาพริกเผาเกลือ สาปแช่ง นางระเบียบรัตน์ ฐานลบหลู่ดูหมิ่นขนบธรรมเนียมประเพณีล้านนา ที่ยึดถือกันมาหลายร้อยปี รวมทั้งม็อบเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ แม้ว่าจะมีพระร่วมด้วย แต่ก็ยังพึ่งไสยศาสตร์ โดยการเผาพริกเผาเกลือ และเผาหุ่น เพื่อสาปแช่ง ระหว่างที่เกิดม็อบการชุมนุมขับไล่นายกฯ ทักษิณนั้น มีการสาปแช่งด้วยการเผาพริกเผาเกลือทุกครั้ง เช่น ประชาชนชาวนครศรีธรรมราช พร้อมนักเรียน นักศึกษากว่า ๕๐๐ คน รวมตัวกันที่ศาลาประดู่หก ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดย พ.จ.อ.อากร ณ นคร เชื้อสายตระกูลอดีตเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ทำพิธีสาปแช่งโดยการเผาชื่อแกนนำทั้งหมด และเผาพริกเผาเกลือ ตามความเชื่อว่า คนที่ถูกสาปแช่งจะไม่สามารถมีความเจริญได้เลยตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน แกนนำต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดพิธีเผาพริกเผาเกลือ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ ในเวลาใกล้เคียนกัน การเผาพริกเผาเกลือ เป็นการประท้วงและประจานอย่างหนึ่งเท่านั้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ที่ถูกกระทำนั้นเจ็บแสบ อับอาย และเข็ด มิได้ทำเพื่อมุ่งหวังเอาชีวิต เหมือนเป็นการตักเตือนอย่างรุนแรง เพื่อให้ผู้ที่ถูกกระทำนั้นสำนึกกลับตัวโดยการขอขมาลาโทษ เพราะฉะนั้น ใครที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน รวมทั้งกระทำไม่ดีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ความเจ็บแสบปวดร้อนไม่ได้อยู่ที่การเผาพริกเผาเกลือ หากอยู่ที่คำสาปแช่งที่เข้าหู ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังนั้นปวดแสบปวดร้อน โดยเฉพาะคำสาปแช่งของผู้อยู่ในศีลในธรรม แต่ถ้าผู้ถูกกระทำนั้น อยู่ในศีลในธรรม คำสาปแช่งนั้นก็ไม่เป็นผล เรื่อง..."ไตรเทพ ไกรงู" ภาพ.. "ศูนย์ภาพเนชั่น"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ