ข่าว

"ม่านเหล็ก" ดับ "นกหัวแดง"สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ศึกซูเปอร์โบวล์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ม่านเหล็ก" พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์มากที่สุด 6 ครั้ง หลังจากเฉือนเอาชนะ "นกหัวแดง" อริโซนา คาร์ดินัลส์ 27-23 ขณะที่ ซานโตนิโอ โฮล์มส์ ปีกร่างเล็กคนรับทัชดาวน์สุดยอดตัดสินเกมรับตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ เอ็มวีพี ไ

ศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล รอบชิงชนะเลิศ หรือ ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 43 ที่แทมปาเบย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 กุมพาภันธ์ที่ผ่านมา เป็นการพบกันระหว่าง "ม่านเหล็ก" พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส แชมป์สายเอเอฟซี กับ "นกหัวแดง" อริโซนา คาร์ดินัลส์ แชมป์สายเอ็นเอฟซี ก่อนเกมเริ่มฝ่ายแรกได้รับการมองว่าเป็นต่อ และทำแต้มนำไปก่อน 3 คะแนน จากฟิลด์โกล์ของ เจฟฟ์ รีด จากนั้นเกมรับของลีกอย่าง สตีลเลอร์ส ยังทำงานอย่างได้ผล จนเกมรุกของคาร์ดินัลส์บุกไม่ขึ้น จากนั้นเป็นหน้าที่ของ "บิ๊กเบน" เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ จอมทัพสตีลเลอร์ส พาทีมบุกขึ้นมาก่อนส่งให้ แกรี รัสเซลล์ วิ่งทำทัชดาวน์จากระยะ 1 หลา ฉีกหนี 10-0 จากนั้นเกมกลับมาเป็นของ คาร์ดินัลส์ บ้าง เคิร์ท วอร์เนอร์ ควอเตอร์แบ็คจอมเก๋า กลับมาถือบอลเปิดเกมด้วยการขว้างสั้น และการวิ่งของ เอดเจอร์ริน เจมส์ ก่อนปิดฉากด้วยการขว้าง 1 หลา ให้ เบน แพทริก ทำทัชดาวน์ระยะ 1 หลา ไล่มา 7-10 จากนั้นเกมรุกของ สตีลเลอร์ส โดนเกมรับของคาร์ดินัลส์ หยุดยั้งไว้ได้ ทำให้คาร์ดินัลส์ ได้บุกอีกครั้งช่วง 2 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เคิร์ท วอร์เนอร์ พาทีมมาถึงเส้น 1 หลา หน้าบ้าน สตีลเลอร์ส แต่กลับโดน เจมส์ แฮร์ริสัน แนวรับของสตีลเลอร์ส อินเตอร์เซฟท์ลูกขว้างวิ่งย้อน 100 หลา ทำทัชดาวน์ เป็นสถิติของซูเปอร์โบวล์ทำให้ สตีลเลอร์ส นำเป็น 17-7 ก่อนหมดครึ่งแรก เข้าสู่ควอเตอร์ที่ 3 เกมรับของสตีลเลอร์ส ยังทำงานได้ดี ทำให้ เบน โรธลิสเบอเกอร์ ได้นำเกมรุก ในช่วงนี้เกมรับของ คาร์ดินัลส์ ผิดพลาดเสียการทำโทษหลายหน จนโดนบุกมาถึงหน้าเอนด์โซน แต่ยังแก้ต้วได้โดยไม่เสียทัชดาวน์ ปล่อยให้ เจฟฟ์ รีด อัดฟิลด์โกล์ระยะใกล้ส่ง สตีลเลอร์ส หนี 20-7 เกมเริ่มดุเด็ดเผ็ดมันขึ้นในควอเตอร์สุดท้าย เมื่อ คาร์ดินัลส์ ฮึดสู้ และเป็น เคิร์ท วอร์เนอร์ ขว้างให้ แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ ยอดปีกรับทัชดาว์ 1 หลาที่มุมเอนด์โซนไล่มา 14-20 จากนั้นผู้เล่นสตีลเลอร์ส เริ่มทำผิดผลาด ก่อนที่ คาร์ดินัลส์ จะไล่มาเป็น 16-20 เมื่อสตีลเลอร์ส ถูกดันกับการเล่นที่เส้น 1 หลาหน้าของตัวเองจนเสียโทษดึง กลายเป็นโทษเซฟตี้ ให้เสีย 2 คะแนน และต้องเตะให้ คาร์ดินัลส์ เป็นฝ่ายบุกในการเล่นครั้งต่อไป เพียงแค่การเล่นอีก 3 หนต่อมา เคิร์ท วอร์เนอร์ ขว้างบอลให้ แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ รับลูกก่อนวิ่งหลบหลีกผู้เล่นสตีลเลอร์ส เข้าทำทัชดาวน์จากระยะ 64 หลา ทำให้ คาร์ดินัลส์ แซงหน้า 23-20 ขณะที่เหลือเวลาอีก 2.37 นาที แต่หลังจากนั้น เบน โรธลิสเบอเกอร์ พาทีมบุกจากเส้น 22 หลาหน้าบ้านตัวเอง ก่อนจบลงที่การขว้างระยะ 6 หลาอย่างสุดยอด และการรับสุดสวยของ ซานโตนิโอ โฮล์มส์ ที่มุมสุดของเอนด์โซน ทำให้ สตีลเลอร์ส กลับมาแซงหน้าก่อนเอาชนะไปได้ 27-23 คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์เป็นสมัยที่ 6 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ คาร์ดินัลส์ อกหักจากการเข้าชิงเป็นหนแรก สำหรับตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่าหรือ เอ็มวีพี ของเกมนี้ตกเป็นของ ซานโตนิโอ โฮล์มส์ ปีกของสตีลเลอร์ส ที่รับบอลไป 9 หน 131 หลา และ 1 ทัชดาวน์ตัดสินเกม กล่าวว่า ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่จะก้าวมาขึ้นหน้ากับการเล่นที่สำคัญ แม้ว่าทีมจะต้องเสียการครองบอล แต่ ทุกคนในทีมรู้ว่าทีมรับที่แข็งแกร่งของสตีลเลอร์ส จะพาโอกาสกลับมาได้อีกหน ขณะเดียวกัน เบน โรธลิสเบอเกอร์ ที่ขว้างไป 256 หลา 1 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเตอร์เซฟท์ เผยว่า ในการประชุมเรียแผนก่อนได้ทัชดาวน์ ได้บอกกับเพื่อนๆ ว่า ถ้าหนนี้ไม่ได้ก็คือจบ ทำตามแผนที่ได้ศึกษามา แล้วภูมิใจมากที่เห็นเพื่อนร่วมทีมตอบสนองออกมา ส่วน ไมค์ ทอมลิน สร้างสถิติเป็นโค้ชที่ได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ด้วยอายุน้อยที่สุดในวัย 36 ปี กล่าวว่า ลูกทีมไม่เคยสงสัยกับศักยภาพของตัวเอง ถึงจะทำงานไม่สวย หรือไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำมันจนสำเร็จ ส่วน คาร์ดินัลส์ ที่พลาดการได้แชมป์นับตั้งแต่ปี 1947 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีซูเปอร์โบวล์ โดยที่ เคิร์ท วอร์เนอร์ ขว้างไปถึง 377 หลา 3 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเตอร์เซฟท์ ขณะที่ แลร์รี ฟิซต์เจอรัล รับ 127 หลา 2 ทัชดาวน์ แต่เกมการวิ่งทำได้แค่ 33 หลา จาก เอดเจอร์ริน เจมส์ คนเดียว และทีมเสียโทษรวมกันถึง 11 หน รวมระยะ 106 หลา เป็นหนึ่งในสาเหตุของความพ่ายแพ้หนนี้
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ