ข่าว

อดีตรมว.คลังจวกรัฐกระตุ้นศก.ผิดจุด"แจกเงิน-ธงฟ้า"สูญเปล่า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อดีต รมว.คลัง จวก นโยบายรัฐ "แจกเงิน 2 พันบาท-ร้านธงฟ้า สูญเปล่า ไม่กระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่าย จี้ทบบทวนออกเป็นคูปอง อย่ากลัวเสียหน้า แนะรัฐสร้างความเชื่อมั่น ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งการท่องเที่ยว เอสเอ็มอี

(31ม.ค.) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวในการสัมมนา“แนวทางธุรกิจเอสเอ็มอี ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ 2552“ ถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกผูกพันเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจไทย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่คนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกัน เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งหรือของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง วันนี้ไม่มีใครรู้จริงถึงปัญหา แม้แต่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นอย่ายึดติดกับข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งเพราะโจทย์ได้เปลี่ยนไปแล้ว คำตอบของโจทย์ก็ต้องเปลี่ยนไป ในปีที่แล้วเราเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อจากปัญหาน้ำมันแพงที่ราคาพุ่งสูงถึง 147 ดอลล์ล่าต่อบาร์เรล ส่งผลให้สินค้าราคาแพงตามไป รัฐบาลจึงมุ่งแก้ปัญหาเงินเฟ้อ " แต่ในปีนี้โจทย์เศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไป ราคาน้ำมันที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีกกลับไม่สูงตามที่คาดไว้แต่กลับลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทยลดลงตามไปด้วย ราคาสินค้าก็ลดลง บรรดาห้างสรรพสินค้าต่างก็ใช้โปรโมชั่นลดราคาเพื่อดึงดูดใจให้ประชาชนซื้อสินค้ามากขึ้น แต่ประชาชนกลับไม่ไปซื้อสินค้าแม้จะราคาถูกลง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินแต่ประชาชนไม่กล้าใช้เงินเพราะประชาชนไม่เชื่อมั่น และเดาอนาคตข้างหน้าไม่ได้ว่า เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การถือเงินไว้กับตัวเองจึงเป็นหลักประกันที่ดี ซึ่งตนเรียกว่า ปัญหาเงินเหนียว "น.พ.สุรพงษ์ กล่าว อดีตรมว.คลัง กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอนาคตให้กับประชาชน เมื่อดูนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการให้เงิน 2 พันบาท เพิ่มร้านธงฟ้าเพื่อลดราคาสินค้า เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด เพราะประชาชนเมื่อได้เงินก็เก็บเงินไว้ในกระเป๋าไม่ซื้อสินค้า จึงไม่มีหลักประกันอะไรที่จะมีเงินหมุนเวียน รัฐบาลอย่าใช้งบประมาณที่จำกัดไปใช้โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน หากเปรียบเทียบเป็นโรค รัฐบาลคิดว่า เป็นโรคความดันสูง คิดว่าราคาสินค้าแพงประชาชนไม่ซื้อก็จัดสินค้าราคาถูกให้ แต่รัฐบาลคิดผิด ตนเห็นว่า โรคที่เป็นคือ โรคความดันต่ำ ประชาชนกลัวจึงไม่ใช่เงิน " วันนี้รัฐบาลมีเงินไม่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจแสนล้านบาทเป็นเพียง 20 % ของจีดีพีของประเทศ ซึ่งไม่ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปได้ รัฐบาลไม่มีเวลาแล้ว รัฐบาลต้องรีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเป็นไฟลุกลามไปทั่วประเทศ รัฐบาลต้องเอาน้ำมาดับไฟ แต่รัฐบาลไม่มีน้ำเพียงพอก็ควรเอาน้ำจากประชาชนมาดับไฟ โดยการเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมา " น.พ.สุรพงษ์ ระบุ น.พ.สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีเวลาน้อย ประกอบกับมีเงินไม่มาก รัฐบาลต้องทำงานหนัก อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับใคร สร้างความสามัคคีให้คนในชาติ ต้องตั้งมั่นในระบบนิติรัฐ ยึดหลักการที่ถูกต้อง บังคับใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน โดยใครผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นขอให้รัฐบาลเน้นเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข็มแข็ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะเรื่องนี้จะมีผลสำเร็จเร็วและชัด ส่วนการส่งออกนั้น เขา บอกว่า รัฐบาลจะต้องเปิดตลาดส่งออกใหม่ โดยเฉพาะยุโรปตะวันออกและแอฟริกา อย่าพึ่งตลาดเก่าทั้งสหรัฐและยุโรป เพราะประเทศเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ อย่าหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งช่วง 2 - 3 เดือนนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งรีบสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้จ่ายเงิน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจ และหันมามองธุรกิจเอสเอ็มอีให้มากขึ้น “ ปัญหาเศรษฐกิจปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว ดังนั้นอย่าใช้มาตรการแก้ไขเศรษฐกิจที่เหมือนกัน รัฐบาลควรทบทวนการใช้ เงิน 18,000 ล้านบาทที่ให้ประชาชน ผมเชื่อว่า ประชาชนไม่นำไปใช้ อย่ารู้สึกเสียหน้าหากจะเปลี่ยนจากการใช้เงินเป็นเป็นคูปองเพื่อให้ประชาชนนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า ขอยอมเสียหน้าเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต “ น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ