วาระมงคล อ่านประวัติ พระอาจารย์อุทัย แห่ง วัดวิหารสูง อายุวัฒนมงคล 56 ปี

พระครูวัชรวิหารคุณ หรือ พระอาจารย์อุทัย อุทโย เจ้าอาวาสวัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เป็นพระนักวิปัสสนากรรมฐาน และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.พัทลุง มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีวัตรปฏิบัติน่ายกย่องนับถือ และเป็นพระนักพัฒนา ที่ได้สร้างความเจริญให้แก่วัดและชุมชนอย่างมากมาย จนเป็นที่เลื่อมใสนับถือศรัทธาของชาวบ้านทั่วไปใน จ.พัทลุงและภาคใต้

ในวาระ อายุวัฒนมงคล 56 ปี พระอาจารย์อุทัย 13 พฤศจิกายน 2565 ชวนอ่านประวัติ ของ เกจิอาจารย์รูปนี้ เพื่อร่วมเผยแพร่บารมีธรรม และ พุทธาคม กับผู้ศรัทธา ได้อ่านเป็นข้อมูลและร่วมอนุโมทนาในวาระมงคลนี้

สำหรับประวัติของ พระอาจารย์อุทัย นั้น ท่านมีนามว่า “อุทัย บัวเพชร” เป็นชื่อและสกุลเดิมของ พระอาจารย์อุทัย เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2509 ณ บ้านมะกอกใต้ หมู่ 3 ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายผ่อง และนางน้อย บัวเพชร ในชีวิตวัยเยาว์ได้ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 โรงเรียนพรหมพินิตชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อเข้าวัยหนุ่มถึงวัยเกณฑ์ทหารได้เข้ารับการคัดเลือกทหาร ได้เป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ 2 ปี หลังจากปลดประจำการได้สมัครเป็นทหารพรานต่ออีก 3 ปี

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2535 พระอาจารย์อุทัย ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระครูสิทธิโสภณ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประจักษ์วิหารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูคง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังครองผ้ากาสาวพัสตร์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยความอุตสาหะ พ.ศ.2540 สามารถสอบได้นักธรรมตรี-โท-เอก ตามลำดับ

สมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2541 พระอาจารย์อุทัย ได้รับตราตั้งเป็นเป็นพระอธิการอุทัย อุทโย และเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อ 10 ธันวาคม 2543 ได้รับตราตั้งเป็น พระสมุท์อุทัย อุทโย และได้รับตราตั้งเป็น พระครูอุทัย อุทโย วัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อ 5 ธันวาคม 2546 ขณะอายุอายุ 38 ปี พรรษาที่ 11

ด้านวิชาอาคม และ พุทธาคม นั้น พระอาจารย์อุทัย มีความรู้ความสามารถในการอ่านเขียนภาษาขอม ไทยและบาลี สามารถเรียนรู้วิชาตำรับตำราและคัมภีร์ต่างๆ ทั้งวิชาไสยเวทและการฝึกวิปัสสนากรรมฐานได้อย่างเข้มขลัง คล่องแคล่ว เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง พระอาจารย์อุทัยได้มุ่งมั่นพัฒนาวัดและบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรสถานต่างๆ จนมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์ปลอด วัดหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคใต้ นานกว่า 10 ปี และยังได้ศึกษาวิชากับพระเกจิอาจารย์ดังอีกหลายท่าน เช่น พระอาจารย์เศียร อดีตเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง, พระอาจารย์ผัน วัดทรายขาว, พระอาจารย์ปาน แห่งวัดแสงอรุณ และอาจารย์ผ่อง วัดแจ้ง เป็นต้น
 

สำหรับคติธรรมคำสั่งสอน พระอาจารย์อุทัย ได้สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปว่า “นำแสงทอง ส่องแสงธรรม” ในทุกครั้งที่ พระอาจารย์อุทัยมอบวัตถุมงคลแก่ญาติโยมพุทธศาสนิกชนท่านจะสั่งสอนเป็นคติเตือนใจไปพร้อมกันว่า “ห้ามด่าพ่อ ด่าแม่ ไม่กลั่นแกล้งเพื่อนและผู้อื่น ให้ทุกคนอยู่ในศีลในธรรม ค้นตัวเองให้พบ คบตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นชีวิตจะพบกับความสุข ความเจริญ”

ในเรื่องของ พระเครื่องวัตถุมงคล ของ พระอาจารย์อุทัย ที่ได้รับความนิยมของบรรดานักสะสมพระเครื่องและผู้สนใจทั่วไปมีหลายรูปแบบหลายรุ่นด้วยกัน เช่น เหรียญรุ่นแรก พระอาจารย์อุทัย ปลุกเสกด้วยพลังที่ใครเห็นก็ต้องเชื่อมั่นในพุทธคุณ เป็นเหรียญมากประสบการณ์อีกเหรียญของเมืองพัทลุง เหรียญรุ่นแรกมีประสบการณ์ยิงไม่เข้า จนมีการขนานนามในหมู่ลูกศิษย์ว่า “เทพเจ้าหยุดกระสุนแห่งพัทลุง”

ทุกครั้งที่ พระอาจารย์อุทัย มอบวัตถุมงคลแก่ญาติโยมพุทธศาสนิกชน ท่านจะสั่งสอนเป็นคติเตือนใจไปพร้อมกันว่า “ห้ามด่าพ่อ ด่าแม่ ไม่กลั่นแกล้งเพื่อนและผู้อื่น ให้ทุกคนอยู่ในศีลในธรรม ค้นตัวเองให้พบ คบตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นชีวิตจะพบกับความสุข ความเจริญ”

ผ้ายันต์ มหากาฬนาคราช ตะกรุด สร้างเมื่อ พ.ศ.2541 ผ้ายันต์ พิชัยสงคราม ตะกรุด สายเอว สร้าง พ.ศ.2542 พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน รุ่นขุนพันธรักษ์เนื้อขาว เนื้อดำ และเนื้อเทา ตะกรุด สายเอว สร้างเมื่อ พ.ศ. 2545 พระมหากลีบบัวประจุธาตุสำริด ผ้ายันต์พ่อแก่องค์ขาว และพระยอดขุนพล มี ๒ เนื้อ คือ ขาว และดำ สร้างเมื่อ พ.ศ.2547

ในปัจจุบันเรียกว่า พระอาจารย์อุทัย เป็นที่ยอมรับในหลายๆด้าน ทั้งในด้านการพัฒนาวัดวาอาราม การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจของสาธุชน และอีกประการหนึ่งคือ ในด้านการปลุกเสกวัตถุมงคลที่เข้มขลัง เห็นได้จากประสบการณ์ในหลายๆรุ่น และไม่ว่าจะมีพิธีพุทธาภิเษกที่ใด ก็มักจะมีชื่อของพระอาจารย์อุทัยปรากฏอยู่ด้วยเสมอเนื่องจากท่านได้เล่าเรียนเวทย์อาคมจากหลากหลายครูบาอาจารย์ และหมั่นฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาอาคมและการปฏิบัติกรรมฐานเพื่อให้มีสมาธิอันแน่วแน่ ซึ่งจะส่งผลต่อการปลุกเสก วัตถุมงคล ที่เข้มขลัง จึงไม่แปลกว่า วัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเสกในแต่ละรุ่น เกิดอานุภาพประสบการณ์แก่ผู้บูชาอย่างแท้จริง