“แหม่ม” อลิษา ขจรไชยกุล จากนางเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เส้นทางชีวิตผกผันครั้งหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้า ถึงกับคิดสั้น ปัจจุบันใช้หลักธรรมนำชีวิต ขายอาหารตามสั่ง พอใจในสิ่งที่มี ยิ้มให้กับความสุขที่อยู่เบื้องหน้า
หากพูดถึง “แหม่ม” อลิษา ขจรไชยกุล หลายคนคงจำเธอได้เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็น นางเอก สาวเจ้าบทบาท มีผลงานการแสดงเป็นละครโทรทัศน์ มากมาย เช่น ลูกทาส, อุ้งมือมาร, รุ้งเคียงดาว, ฆาตกรกามเทพ, วังวารี ฯลฯ ส่วนผลงานที่สร้างชื่อเสียงคือละคร เบญจรงค์ 5 สี และครั้งหนึ่งเธอยังเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสเวิลด์ในปี 2525 ก่อนเข้ามาประกวดนางสาวไทยในปี 2527
ด้วยวิกฤตที่เกิดขึ้นในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนำซ้ำยังมีโรครุมเร้า ปัจจุบันเธอผันตัวเองมาเป็นแม้ค้าอาหารตามสั่ง ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่ย่านเมืองทองธานี
วันนี้ พระเครื่องคู่ใจคนดัง ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน วัตถุมงคล ที่บูชา และหลักธรรมในชีวิตที่ทำให้ดาราดังท่านี้ฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตมาได้หลายต่อหลายครั้ง
อดีตนางเอกสาว เล่าว่า ปกติ พระเครื่อง ที่แขวนติดตัวเป็นประจำคือ หลวงปู่ทวด แต่ไม่ทราบว่าเป็นรุ่นไหน แขวนติดตัวมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการบันเทิง เป็นพระที่แม่มอบให้เอาไว้ให้ ซึ่งยอมรับว่ามีพระองค์นี้ติดตัวแล้วอุ่นใจ นอกจากนี้ยังบูชา หลวงปู่แหวน, หลวงพ่อโสธร, องค์เสด็จพ่อ ร.5
และที่ขาดไม่ได้เลยคือทุกวันนี้ก่อนที่จะเปิดร้านขายของจะต้องบูชาและบนบาน ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ เพื่อขอให้ช่วยให้ลูกค้าเข้าร้านทุกวัน
“เราทำมาค้าขาย พอเพื่อนๆ รู้เขาก็เอาไอ้ไข่มามอบให้ เช้ามาเราก็ขอเขาว่าวันนี้ขอให้มีรายได้เข้าบ้านเท่าไหร่ ถ้าได้เราจะถวายอะไร พอได้เราก็ถวายเขา ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ขายของได้ตามเป้าที่เราต้องการและตั้งใจไว้ แต่จะมีทุก ๆ วันพระกำลังเขาจะอ่อน จะขอหรือบนบานอะไรจะไม่ได้ ส่วนสิ่งของที่จะถวายก็แล้วแต่เรา ขนม น้ำหวาน ขึ้นอยู่กับเราบนบานเลย ส่วนน้ำจะเปลี่ยนทุกวัน ดอกไม้ก็จะเปลี่ยนเฉพาะวันพระ พี่ก็ว่าความเชื่อตรงนี้มันก็เหมือนเป็นขวัญและกำลังใจของเรา ที่ทำให้เรามีความหวัง สู้ชีวิตต่อๆไปทุกวัน”
“แหม่ม” อลิษา บอกด้วยว่าตนเอง โด่งดังจากวงการบันเทิง ผ่านประสบการณ์ชีวิตทั้งสุขและทุกข์ ได้รับบทเรียนแบบเฉียดตาย อยากฝากข้อคิดเตือนใจสำหรับใครที่ยังประมาท โดยเปรียบชีวิตมีขึ้นย่อมมีลง
“วงการบันเทิงให้อะไรกับพี่เยอะ เพราะเราเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่งที่รอการใส่ปุ๋ย รอการเจริญเติบโต ก็จะมีคนนี้มาช่วยใส่ปุ๋ย คนนี้มาช่วยรดน้ำ ทำให้ได้ดอกออกผล เพียงแต่ชีวิตของพี่มาวันหนึ่งมันไม่เหลืออะไร เราก็ตั้งใจให้กำลังใจตัวเอง ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เอาใหม่ ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ อยากให้ทุกคนตั้งมั่นอยู่บนความรอบคอบ อาชีพนักแสดงมันไม่แน่นอน”
จากนี้ไป ชีวิต “อลิษา ขจรไชยกุล” จะกลับมาโลดแล่นฝากฝีไม้ลายมือให้กับวงการบันเทิงอีกหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง