ไฟดับ 'เฉินหยู่ซี' กลัวผีโผกอด 'ฟางจ่านเฉิง' ซีรีส์ไต้หวัน Someone Like You: รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น. / 01.00 น. ทางช่อง NOW26
ซีรีส์ไต้หวัน Someone Like You: รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น. / 01.00 น. ทางช่อง NOW26
Someone like you ตอน 23
เฉินหยู่ซีเดินมาพร้อมฟางจ่านเฉิงที่รถ ฟางจ่านเฉินเรียกเธอไว้
“หยู่ซี” ฟางจ่านเฉิงเช็ดน้ำตาให้ “ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเธอ”
“ไม่ใช่ความผิดคุณคุณทำไปเพราะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของฉัน อย่างนั้นใช่มั้ย”
“ตอนแรกก็เป็นอย่างนั้นแต่ต่อมา ฉันเห็นแก่ตัวไม่อยากให้เธอรับรู้”
“เพราะอะไร”
“เพราะว่า ฉันกลัวเมื่อเธอรู้เรื่องแล้ว จะไม่มั่นใจในความรักของฉัน และคิดว่า”
เฉินหยู่ซีแทรก “คิดว่า คุณเห็นฉันเป็นตัวแทนของลั่วหานฉันก็เคยมีความคิดอย่างนั้น”
“หยู่ซี”
เฉินหยู่ซีจับมือเขาไว้ “แต่ฉันว่ารู้ บอสไม่ใช่คนอย่างนั้นฉันมีความสุขมาก กับช่วงเวลาที่ได้ดูแลคุณเห็นคุณให้ความสำคัญกับคนรอบตัวคุณให้ความสำคัญคนอื่นๆ ฉันก็รู้ว่า คุณคนเป็นคนจริงจังต่อความรักฉันยังรู้ด้วยว่า คุณเป็นคนมือเท้าเย็นคนมือเท้าเย็นมักไม่ค่อยชอบใครแต่ถ้าชอบใครแล้วจะมั่นคงมากดังนั้นฉันดีใจที่ได้มอบความรักให้กับคุณ เป็นเพราะฉันรู้ว่าคุณต้องเอาใจใส่และดูแลความรักของเราครั้งนี้เป็นอย่างดี”
“หยู่ซีฉันดีใจมากที่ได้รักเธอ”
ทั้งสองกลับถึงบ้าน ก็พบหวางอี้เจินเตรียมกระเป๋าเรียบร้อยพร้อมกลับบ้านละ กล่าวขอบคุณฟางจ่านเฉิง เขาว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วยังบอกให้หวางอี้เจินเรียกเขาว่า “จ่านเฉิง” ว่าแล้วก็ขนกระเป๋าไปให้
ที่บ้านเฉินหยู่ซีเห็นหวางอี้เจินทำนู้นนี่ไม่ได้หยุดก็ไปจับเธอนั่งพักแล้วนวดให้ หวางอี้เจินแปลกใจถามว่าทำไมอยู่ๆ มานวดให้ อยากย้ายไปอยู่กับฟางจ่านเฉิงเหรอ
“ใครว่า แม่คิดมากไปแล้วหนูอยากนวดให้จริงๆ”
“ถ้างั้นเมื่อก่อนก็แสร้งทำน่ะสิ”
“ปรักปรำชัดๆ หนูจริงใจมาตลอดนะแม่แม่แม่คนเดียวเลี้ยงพวกเราจนโตแม่ลำบากมากเลย ยอมเสียสละทุกอย่างถึงเราจะไม่ร่ำรวยแต่เล็กจนโต คนอื่นมีอะไร พวกเราก็ไม่น้อยหน้าหลายปีที่ผ่านมาหนูไม่เคยได้ยินแม่พูดสักคำว่าลำบากต่อหน้าพวกเรา แม่มีแต่รอยยิ้มเสมอ แม่ ขอบคุณค่ะที่เลี้ยงดูพวกเราอย่างดี”
เฉินหยู่ซีกอดหวางอี้เจินไว้ หวางอี้เจินกอดตอบพลางร้องไห้
ฟางจ่านเฉิงกับเฉินหยู่ซีพากันมาเล่นโบวลิ่ง ฟางจ่านเฉิงเห็นหูรองเท้าเฉินหยู่ซีหลุดแล้วเธอผูกไม่แน่น เขาจึงก้มลงผูกให้ข้างหนึ่ง แล้วบอกให้เธอลองอีกข้างหนึ่ง แต่ตอนที่ฟางจ่านเฉิงผูกให้เธอมัวแต่มองหน้าเขาไม่ได้มองวิธีผูก เธอเลยแกล้งบอกว่า
“โธ่เอ๊ยเมื่อกี้ดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่คุณช่วยผูกให้ดูอีกครั้งนะ”
“ได้ดูให้ดีล่ะก่อนอื่น ดึงเชือกขึ้นมาผูกให้แน่นแล้ว ก็ไขว้กันอีกทีไขว้กันเสร็จแล้วสองข้างก็จับให้เป็นวงกลมสอดเชือกให้ผ่านวงกลมนี้ออกมาจากนั้นก็ลอดผ่านเข้าไปจากนั้น ดึงให้แน่นจัดเชือกให้ดีคราวนี้เป็นยัง”
ฟางจ่านเฉิงเงยหน้าเฉินหยู่ซี ก็เห็นเธอจ้องเขายิ้มๆ
“อ้อผูกแบบนี้ดูแล้วแน่นดีจัง บอส คุณเก่งจังเลย มีอะไรที่คุณทำไม่ได้อีกมั้ย”
ฟางจ่านเฉิงว่า “เฉินหยู่ซี อย่ามาแกล้งชม ฉันสอนให้เธอผูกเอง”
“มีคุณก็ดีอยู่แล้วจะได้ผูกเชือกให้ฉัน” เฉินหยู่ซีพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มเขาขอบคุณแล้ววิ่งไปโยนโบวลิ่งต่อ
ฟางจ่านเฉิงมองตามยิ้มๆ “เฉินหยู่ซี”
เฉินหยู่ซียิ้มหัวเราะให้ เธอไปโยนโบวลิ่งอยู่หลายครั้งแต่ปรากฎว่าตกข้างๆ หมด ขณะที่ฟางจ่านเฉิงทำล้มหมดทีเดียว ตอนแรกเธอก็ดีใจกับเขา แต่หลายครั้งที่ตัวเองทำไม่สำเร็จก็เริ่มเซ็งๆ ฟางจ่านเฉิงสอนก็ยังไม่ได้ จนเริ่มหมดกำลังใจโยน ปรากฎว่าครั้งสุดท้ายล้มหมด ทั้งสองดีใจมาก
จากนั้นทั้งสองก็ไปเดินเล่นกัน ก่อนจะกลับไปที่บ้าน ฟางจ่านเฉิงทำอาหารให้ทาน เฉินหยู่ซีนั่งมองยิ้มๆ
“บอส คิดไม่ถึงคุณก็มีฝีมือทำกับข้าวด้วยเห็นงานยุ่งอยู่ตลอดเลยคิดว่าคุณทำกับข้าวไม่เป็น”
“ฉันแค่ไม่มีเวลาทำ ไม่ได้หมายถึงทำไม่เป็น”
“ใช่ ใช่ ใช่ คุณน่ะมันประเภทไม่ยอมลงจากหอคอยงาช้างง่ายๆ”
“รู้ก็ดีแล้ว”
“เดี๋ยวสิให้ฉันช่วยได้มั้ย”
ฟางจ่านเฉิงว่า “ไม่ได้เอ๊ะ บอกแล้ววันนี้ฉันแสดงฝีมือเอง”
“โธ่เอ๊ยฉันนั่งดูคนเดียวมันน่าเบื่อจะแย่โธ่เอ๊ยขอร้องล่ะ ให้ฉันเป็นลูกมือนะรับรองไม่แย่งคุณแสดงฝีมือหรอกนะนะ นะนะให้ฉันช่วยนะ นะนะนะนะ”
“ก็ได้ ก็ได้ ระวังมือด้วยมีดคมมาก”
เฉินหยู่ซีทำไปมองฟางจ่านเฉิงไป แต่จู่ๆ ไฟก็ดับ เฉินหยู่ซีร้องโวยวายโผเข้ากอดฟางจ่านเฉิง
“ฉันกลัวนะ ฉันกลัวความมืดช่วยด้วยทำไมไฟดับมืดจังฉันกลัว ฮือ” เฉินหยู่ซีร้องไห้
ฟางจ่านเฉิงปลอบ “มีฉันอยู่ด้วยไม่ต้องกลัวยืนขึ้นก่อน”
“บ้านคุณต้องมีผีแน่ๆ เลย”
ฟางจ่านเฉิงยืนยัน “ไม่มีผี ฉันอยู่ตรงนี้อยู่นิ่งๆ แล้วค่อยหลับตา หายใจลึกๆ ตามฉันอีกครั้งดีขึ้นบ้างมั้ย ค่อยๆ ลืมตา”
“โหดีขึ้นมากเลย” เฉินหยู่ซีรู้สึกดีขึ้นลืมตาก็พบว่าฟางจ่านเฉิงอยู่ใกล้มาก ทั้งสองมองกันนิ่ง ฟางจ่านเฉิงจูบเฉินหยู่ซีด้วยความรัก
เซี่ยเฟยเฟยไปช่วยทำความสะอาดในโบสถ์ เฉินหยู่อันนั่งมองแล้วคิดถึงเรื่องเสื้อแล้วที่เด็กๆ แซวว่าเป็นแฟนกันเหรอ เฉินหยู่อันตัดสินใจเรียกเซี่ยเฟยเฟยบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยให้นั่งลงก่อน
“อ้อหยู่อันเธอเป็นอะไรกันแน่ ท่าทางเธอดูเครียดมาก ดูน่ากลัวจัง”
“ผม อยากบอกว่า”
“เธออยากพูดอะไรก็พูดมาสิ”
“เฟยเฟย ที่จริงคุณไม่ต้องมาที่โบสถ์บ่อยอย่างนี้ก็ได้”
เซี่ยเฟยเฟยสีหน้าแปลกใจ “ทำไมล่ะ”
“ผมว่า คุณมาที่โบสถ์นี่บ่อยเกินไป อาจทำให้คุณเสียงานเสียการได้”
“ไม่เลยซักนิด ฉันเองก็ชอบงานที่โบสถ์เหมือนกันแถมยังได้เป็นจิตอาสางานของฉันก็คือการมาโบสถ์ ไม่เสียงานอะไรเลย”
“เฟยเฟยผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นความหมายของผมคือคุณน่าจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ”
“เธอก็คือเพื่อนของฉันไงฉันอยากอยู่กับเธอมากกว่า”
“เฟยเฟย ผมเป็นบาทหลวงผมตัดสินใจอุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับพระเจ้าแล้ว”
“แล้วยังไงมันเป็นไรไปมันเกี่ยวอะไรที่ฉันมาโบสถ์ด้วยล่ะ”
“เฟยเฟยผมหวังว่าจะเป็นการหลงผิดชั่วขณะถ้าหากเป็นความจริงผมขอโทษ ที่ไม่อาจรับความรู้สึกคุณได้”
เซี่ยเฟยเฟยโกรธ “หลงผิดอะไรความจริงอะไรฉันพูดว่าฉันชอบเธองั้นหรือฉันสารภาพกับเธอหรอ ฉันบอกเธอต้องตอบรับความรู้สึกฉันมั้ย เฉินหยู่อันคนหลงตัวเอง”
เซี่ยเฟยเฟยคว้ากระเป๋าเดินออกไปเลย เฉินหยู่อันเรียกตาม “เฟยเฟย”
เซี่ยเฟยเฟยนัดเฉินหยุ่ซีมาพบ แต่เธอพาฟางจ่านเฉิงมาด้วย ทั้งสองเห็นเซี่ยเฟยเฟยเศร้าๆ สีหน้าไม่ค่อยดีนักก็เป็นห่วง
เซี่ยเฟยเฟยว่าเฉินหยู่ซี “ฉันนัดเธอคนเดียวไม่ใช่เหรอแล้วพาพี่มาทำไม”
ฟางจ่านเฉิงเป็นห่วงน้อง “เฟยเฟยเป็นอะไรไป”
“พี่ฉันมีเรื่องจะคุยกับหยู่ซีพี่กลับไปก่อน”
“ก็ได้”ฟางจ่านเฉิงบอกเฉินหยู่ซี “ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน” ฟางจ่านเฉิงออกไป
เฉินหยู่ซีถาม “เฟยเฟยมีเรื่องอะไรเธอพูดกับฉันได้นะ”
เซี่ยเฟยเฟยร้องไห้ “หยู่อันซื่อบื้อที่สุดหยู่อันงี่เง่าที่สุด”
“โอ๋ โอ๋ อย่าร้องไห้นะเช็ดน้ำตาซะเช็ดน้ำตาให้แห้งก่อนมีอะไรค่อยๆ เล่ามาสิ”
“ฉันไม่ได้พูดสักคำเขามาพูดก่อนทำไมฉันยังไม่ได้สารภาพไม่ได้เรียกร้องให้เขาต้องรับถือสิทธิ์อะไรมาบอกว่ารับความรู้สึกฉันไม่ได้”
“เฟยเฟยเธอชอบหยู่อันจริงๆ เหรอ แต่ว่า หยู่อันเป็นบาทหลวงนะ”
“ฉันรู้แล้วแล้วจะทำไมฉันชอบเขามันเป็นเรื่องของฉันไม่ได้เกี่ยวกับเขาซะหน่อย เขาก็เป็นบาทหลวงของเขาไปสิก่อนนี้ก็ยังดีๆ อยู่ๆ ก็มาบอกไม่อาจตอบรับความรู้สึกฉันได้”
“ก็เพราะหยู่อันรู้ว่าเธอชอบเขา”
“รู้ก็รู้ไปสิ ทำไมต้องพูดด้วยล่ะเป็นท่อนไม้จริงๆ ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดเขาที่สุด ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่ไปเจอเขาอีกแล้ว”
เฉินหยู่ซีปลอบ “พอแล้ว พอแล้ว ไม่ต้องร้องๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
วันรุ่งขึ้นเฉินหยู่ซีก็โทรหาเซี่ยเฟยเฟยอีกด้วยความเป็นห่วง แต่เธอว่าดีขึ้นแล้ว ฟางจ่านเฉิงก็ถามจากเฉินหยู่ซี เธอเล่าให้ฟัง เฉินหยู่ซีเห็นสวีหย่าถีขึ้นบันไดเลื่อนมากับพ่อก็ร้องเรียก เฉินหยู่ซีเห็นคุ้กกี้ก็ถาม สวีหย่าถีว่าหาฝ่ายการตลาดไม่เจอ เฉินหยู่ซีอาสาพาไป
พ่อสวีหย่าถีกล่าวขอบคุณฟางจ่านเฉิงที่ช่วยสวีหย่าถีพาส่งโรงพยาบาล ฟางจ่านเฉิงว่าเป็นเฉินหยู่ซี แล้วพาพ่อสวีหย่าถีมานั่งคุยกัน ทำให้รู้ว่าที่สวีหย่าดีไม่ค่อยแข็งแรงเพราะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมา
“ใช่ครับใช่คิดถึงตอนนั้นการผ่าตัดของเธอเกือบไม่สำเร็จยังดีที่โชคเธอยังดี”
“เธอโชคดี?”
“เหตุการณ์ในวันนั้นผมไม่มีวันลืมได้เลยสองปีก่อนวันที่ 20 พฤศจิกาวันอี้หลันไฟดับครั้งใหญ่ วันนั้น หย่าถีต้องเข้าห้องผ่าตัดหัวใจ ใช้หัวใจที่ส่งมาจากไทเปดันมาเจอตอนไฟดับพอดีผมคิดว่าการผ่าตัดคงไม่สำเร็จแล้วยังดี ที่โรงพยาบาลมีไฟสำรองผมตกใจแทบแย่”
ฟางจ่านเฉิงฟังเรื่องราวแล้วย้อนคิดถึงตอนที่สวีหย่าถีบอกเรื่องที่อยากทำคุ้กกี้ แล้วยังชื่อคุ้กกี้นี้ เขารบกวนถามพ่อสวีหย่าถีว่า
“หย่าถีมีเลือดกรุ๊ปอะไรครับ”
พ่อสวีหย่าถีตอบว่า “เหมือนผมครับเลือดกรุ๊ปAB”
หลังออกจากฝ่ายการตลาด มานั่งทานหารกัน เฉินหยู่ซีชื่นชมคุ้กกี้สวีหย่าถีมาตลอด เล่าให้ฟางจ่านเฉิงกับพ่อสวีหย่าถีฟังไม่ขาดปาก จนเห็นฟางจ่านเฉิงที่เอาแต่นิ่งเงียบไปก็ถามว่าเป็นอะไร เขาว่าไม่ ทุกคนเลยเกรงใจ พ่อกับสวีหย่าถีลากลับ เฉินหยู่ซีว่าครั้งหน้าให้มาค้างที่บ้านเธอ
ฟางจ่านเฉิงให้เสิ่นเวยเหลียนหาข้อมูลวันที่เหลียงลั่วหานตาย ซึ่งวันนั้นอี้หลันเกิดไฟดับจริง เสิ่นเวยเหลียนแปลกใจว่าทำไม
“เวยเหลียนนายต้องว่าฉันบ้าแน่ๆ แต่ฉันคิดว่า หัวใจของลั่วหานอยู่ที่ร่างของหย่าถี”
“บ้าไปแล้วจริงๆ ฟางจ่านเฉิงนายไม่ได้ล้อฉันเล่นนะ”
“หย่าถีถูกส่งตัวผ่าตัดวันที่ 20 พฤศจิกา ตอนห้าทุ่มส่วนลั่วหานเสียชีวิตในวันเดียวกันเวลาสองทุ่มสิบนาที ถูกส่งมาอี้หลันเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจดูจากเวลาแล้วเป็นไปได้”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังตัดสินไม่ได้ว่าเป็นเธอ”
“ทั้งสองคนมีเลือดกรุ๊ปเดียวกันคือ AB กรุ๊ปอีกอย่าง อยู่ๆ หย่าถีก็ทำคุ้กกี้ที่มีรสชาติและรูปร่างเหมือนกับที่ลั่วหานทำทุกอย่างชื่อคุ้กกี้ก็ยังตั้งเหมือนกันเลย”
“นายหมายความว่าหัวใจของลั่วหานอยู่ในร่างหย่าถีจึงทำให้หย่าถีทำปุยหิมะออกมาแล้วหัวใจดวงนี้ก็ยังจำความรักที่มีต่อนายได้”
ฟางจ่านเฉิงว่า “ยังจำความรักของฉันได้”
วันต่อมา ฟางจ่านเฉิงสั่งงานเฉินหยู่ซีมา เห็นสวีหย่าถีมาท่าทางไม่ค่อยดีเดินมา ฟางจ่านเฉิงชะงักรีบเข้าไปประคอง แล้วพานั่ง เฉินหยู่ซีรีบเข้ามาช่วยดู เฉินหยู่ซีเองก็เป็นห่วง ฟางจ่านเฉิงให้เฉินหยู่ซีไปเป็นเพื่อนสวีหย่าถีคุยกับฝ่ายการตลาด
ฟางจ่านเฉิงเรียกเฉินหยู่ซีเข้ามาคุยตามลำพัง
“หยู่ซี ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”
“ทำไมดูซีเรียสจังเกิดขึ้นงั้นหรือคะ”
ฟางจ่านเฉิงถอนใจ “เรื่องที่ฉันกำลังจะพูดเธออาจไม่เชื่อถึงขนาดไร้สาระแต่ว่าฉันคิดว่าเป็นเรื่องจริง”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟังแล้วฉันรู้สึกไม่ดีเลย”
“ฉันคิดว่า คนอุทิศหัวใจให้หย่าถีก็คือลั่วหาน”
เฉินหยู่ซีตาโต “หัวใจลั่วหาน อยู่ในร่างหย่าถี”
“ฉันคิดอย่างนี้ฉันได้ตรวจดูข้อมูลเรื่องเวลาผ่าตัดหัวใจหย่าถี กับเวลาที่ลั่วหานตายไปเป็นวันเดียวกันเธอจำได้มั้ย หย่าถีเคยบอกว่า เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำคุ้กกี้รสชาติเดียวกับลั่วหานได้ยังไง แถมชื่อคุ้กกี้ยังตั้งเหมือนกันอีก ชื่อว่า ปุยหิมะ”
เฉินหยู่ซีคิดตาม แล้วยังเรื่องที่เธอคุยกับสวีหย่าถีสองคนที่เธอยังแซวว่าสวีหย่าถีดูสนใจฟางจ่านเฉิง
“บนโลกใบนี้ ทำไมมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้”
ฟางจ่านเฉิงว่า “หยู่ซีเธอไม่เชื่อที่ฉันพูดหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะฉันแค่ประหลาดใจเท่านั้นที่แท้ฉันกับหย่าถีเกี่ยวข้องกัน ถึงเพียงนี้ มิน่ามิน่าตอนที่ฉันเห็นหน้าเธอครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตากับเธอมากเออหย่าถีรู้เรื่องนี้มั้ยคะ”
“ฉันไม่คิดจะบอกเธอไม่อยากให้มีผลกระทบกับเธอหยู่ซีฉันหวังว่า จะให้การดูแลและช่วยเหลือเธอเต็มที่ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตแต่เดิมของเธอ”
“ฉันเห็นด้วยค่ะหย่าถีเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเราหัวใจของพี่ ก็ยังอยู่ในร่างของเธอพวกเราดูแลเธอก็เป็นเรื่องสมควร”
“ขอบใจนะ”
“ฉันต้องขอบคุณคุณต่างหาก”
(จบตอนที่23)
0000000000000000000000
Someone like you ตอน 24
ฟางจ่านเฉิงคุยกับสวีหย่าถีว่าอยากมาเปิดเคาท์เตอร์ขายคุ้กกี้ในห้างมั้ย เฉินหยู่ซีรีบสนับสนุนบอกว่าบอสเธอคิดจะเพิ่มเคาท์เตอร์ขนมหวานดึงลูกค้าหญิง สวีหย่าถียินดีมาก
หวางอี้เจินเตรียมอาหารไว้เยอะเพื่อเซี่ยเฟยเฟย เพราะคิดว่ายังไงก็มาพร้อมเฉินหยู่อัน แต่ปรากฏว่าไม่มา นางก็ผิดหวังเพราะทำน่องไก่ของชอบเซี่ยเฟยเฟยไว้ เฉินหยู่อันว่าเซี่ยเฟยเฟยอาจจะไม่มาบ้านนี้แล้วหวางอี้เจินบ่นว่าทะเลาะอะไรกัน ว่าสอนให้เฉินหยู่อันยอมๆ เซี่ยเฟยเฟยบ้าง เฉินหยู่อันอึกอัก เฉินหยู่ซีช่วยพูดกับแม่ว่าเป็นเรื่องเด็กๆ
เฉินหยู่อันกับเฉินหยู่ซีออกมามองดูดาวและคุยกัน เฉินหยู่อันไม่คิดว่าแม่จะชอบเซี่ยเฟยเฟยมาก
“ที่จริง แม่หวังว่า เมื่อเธอหายป่วยแล้วมีสุขภาพแข็งแรงแล้วเธอได้พบกับผู้หญิงที่เธอชอบแต่งงาน มีลูกมีครอบครัวของตัวเอง”
“แม่ไม่เห็นเคยพูดเรื่องนี้กับผมเลย”
“ก็เพราะว่าพอเธอหายป่วยก็บอกว่าอยากเป็นบาทหลวงแล้วแม่จะพูดเรื่องพวกนี้ได้ยังไงอีกอย่าง แม่ก็ไม่ได้ห้ามเธอนี่แม่หวังว่า พวกเราจะทำในสิ่งที่เราอยากทำแม่หวังว่าพวกเราจะมีความสุขแม้แม่จะต้องเสียใจแม่ก็ไม่หวังให้เราทำสิ่งที่แม่อยากให้ทำสร้างความกดดันให้เราช่างเถอะมีความสุขถึงจะสำคัญสุดไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”
พอดีหวางอี้เจินนำผลไม้มาให้กิน สองพี่น้องเลยเปลี่ยนเรื่องคุยกัน
วันรุ่งขึ้นเฉินหยู่ซีบอกฟางจ่านเฉิงว่ามีสถานีโทรทัศน์โทรมาจะขอสัมภาษณ์เขา แต่ฟางจ่านเฉิงให้ปฏิเสธเลย
“บอส ฉันรู้ว่า คุณเป็นคนที่ทำอะไรไม่ชอบให้เป็นข่าวแต่ฉันคิดว่าการสร้างร้านในเครือเริ่มต้นขึ้นแล้วถ้าคุณให้สัมภาษณ์ ไม่เพียงทำให้โฆษณาร้านในเครือให้รู้จักแต่ยังเพิ่มชื่อเสียงของไจแอนด์ให้มากขึ้นด้วยการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ฉันว่ายิงนกได้สองตัวเลยนะ”
ฟางจ่านเฉิงมองเธอนิ่ง เฉินหยู่ซีรีบปิดปากตัวเอง “งั้นตอบรับไปก็ได้”
เฉินหยู่ซีดีใจ “จริงหรอคะ”
“เธอพูดถึงขนาดนี้แล้วฉันยังจะปฏิเสธได้อีกหรือไงถึงเวลา ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ฉันเคยคิดไว้”
“แสดงว่า ฉันวิเคราะห์ถูกใช่มั้ยคะ”
“เธอทำได้ดีมากเป็นการทำโฆษณาซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินงานในอนาคต”
“งั้นฉันโทรไปให้คำตอบนะคะ”
เฉินหยู่ซีออกจากห้องไป แล้วเปิดเข้ามาใหม่ “บอส วันที่คุณให้สัมภาษณ์ต้องใส่แว่นกันแดดนะ”
ฟางจ่านเฉิงไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ”
“เพราะตาของคุณมักจะปล่อยไฟฟ้าได้ อันตรายจริงๆ” ฟางจ่านเฉิงอึ้งยิ้มๆ
สวีหย่าถีมาเฉินหยู่ซีพาเธอมานอนที่บ้าน หวางอี้เจินดีใจมากต้อนรับอย่างดี ชมสวีหย่าถีไม่ขาดปากว่าสวยงามมาก สวีหย่าถีเห็นสองแม่ลูกสนิทสนมกันเหมือนเพื่อนก็รู้สึกดีกับสองแม่ลูก
วันต่อมาเฉินหยู่ซีตามครอบครัวฟางจ่านเฉิงมาเก็บผักเพื่อทำอาหารสดกินกัน พ่อเซี่ยเฟยเฟยนำเพชรมาให้เป็นของขวัญแล้วพูดเลยไปถึงเรื่องแต่งงาน เฉินหยู่ซีบอกว่าเธอรับไม่ได้ เขาก็ไม่ฟัง ทั้งแม่และเซี่ยเฟยเฟยปรามยังไงก็ไม่ฟัง
จนทานข้าวเสร็จ แม่กับเซี่ยเฟยเฟยรีบชวนพ่อกลับ ฟางจ่านเฉิงชวนเฉินหยู่ซีเดินเล่นต่อ เดินได้นิดเดียวฝนก็เทลงมา ฟางจ่านเฉิงรีบคลุมเสื้อให้เฉินหยู่ซีแล้ววิ่งไปหลบฝน
“ว๊ายๆๆๆ ทำไมฝนตกมาเฉยเลยคุณ คุณเข้ามาหน่อยสิ ดูสิเปียกหมดแล้วคุณเอาเสื้อปังฝนไว้หน่อยสิ”
“ไม่เป็นไร”
“ดูสิผมเปียกหมดเลยเสื้อก็เปียกด้วยแบบนี้จะเป็นหวัดเอานะ”
“ไม่เป็นไรช่วยบังฝนให้เธอไง”
เฉินหยู่ซีบ่น “คุณก็เอาแต่ดูแลฉันอยู่ได้ ไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง เข้ามาข้างในหน่อยสิ”
ฟางจ่านเฉิงขัด “เฉินหยู่ซีเธอจะเงียบลงหน่อยได้มั้ย”
เฉินหยู่ซียังไม่หยุด “ไม่ใช่นะฝนสาดใส่คุณหมดแล้ว”
ฟางจ่านเฉิงเห็นเธอไม่หยุดเลยจูบเธอเลย เฉินหยู่ซีอึ้งไป พ่อกับแม่และเซี่ยเฟยเฟยขับรถออกมาเห็นก็จอดมองอย่างชอบใจ
หลี่โป๋เยี่ยนคอยมาดูแลวาเนสซา พาเธอไปหาอะไรกินบำรุงครรภ์ แล้วยังพาตามเธอมาตรวจครรภ์ วาเนสซาพยายามบอกว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เป็นของเธอคนเดียว
“ผมรู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวกับผมอีกอย่างผมไม่ต้องรับผิดชอบอนาคตของเขาอนาคตของเขาอยู่ในมือคุณเพียงแต่ตอนนี้ผมมีหน้าที่อยู่ข้างกายคุณ ไปจนกระทั่งเขาคลอด”
“ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณต้องทำอย่างนี้”
“เหมือนที่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณถึงเก็บเด็กคนนี้ไว้”
“ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นชีวิตหนึ่งฉันไม่มีสิทธิที่จะเอาชีวิตของเขาอีกอย่างฉันแน่ใจว่าจะดูแลเขาได้ดี”
“ในเมื่อตัดสินใจคลอดเด็กคนนี้ ก็ต้องให้ร่างกายที่แข็งแรงกับเขาด้วยไปเถอะ”
หลี่โป๋เยี่ยนพาเธอเข้าไปให้หมอตรวจ แล้วสอบถามวิธีการดูแลอย่างละเอียดยิบ
“เรื่องที่คุณหมอให้ระวังผมเรียบเรียงเสร็จแล้วจะส่งไปให้คุณ”
“ที่คุณทำพวกนี้ เพื่อจะกลับไปเกาเติงใช่มั้ย”
“ใช่ผมอยากกลับไปเกาเติงแต่ผมก็รู้ดีว่าการทำแบบนี้ไม่อาจทำให้ผมกลับไปได้”
“แล้วคุณยังทำ”
“เพราะผมรู้สึกว่าผมควรทำแบบนี้คุณจะกลับออฟฟิศสิผมไปส่งไปเถอะ”
ค่ำวันนั้นสวีหย่าถีเข้ามาหาเฉินหยู่ซีเพื่อจะขอยืมลิควิค แต่บอกให้เฉินหยู่ซีไปอาบน้ำก่อนก็ได้ เฉินหยู่ซีบอกให้สวีหย่าถีหยิบเองได้เลย สวีหย่าถีไปหยิบแล้วเห็นภาพเหลียงลั่วหาน ที่ถ่ายกับฟางจ่านเฉิงและเสิ่นเวยเหลียน
“หยู่ซีนี่นาที่แท้วันเกิดหยู่ซีวันที่19เดือนมิถุนาเวยเหลียน?ลั่วหาน?ลั่วหานลั่วหานไม่ใช่คู่หมั้นของจ่านเฉิงหรือไงทำไมถึงหน้าตาเหมือนหยู่ซียังกับแกะหรือว่าพวกเธอเป็นฝาแฝดกัน”
คืนนั้นเองสวีหย่าถีก็มาขอนอนกับเฉินหยู่ซี เธอยินดีมาก
สวีหย่าถีคิดในใจ “วางใจนะฉันจะทำหน้าที่ พี่สาวแทนเธอ ดูแลหยู่ซีให้ดีๆ”
ที่สตูอิโอ เจ้าหน้าที่แนะนำตัวและทักทายฟางจ่านเฉิง เขาแนะนำเฉินหยู่ซีว่าเป็นเลขา
(จบตอนที่24)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง