'คาเมรอน'ลาออก!สก็อตแลนด์-ไอร์แลนด์เหนือส่อชิ่ง

 

               นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ แถลงที่หน้าบ้านพักประจำตำแหน่งในกรุงลอนดอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งตามความคาดหมาย หลังผลลงประชามติ ปรากฏว่า ชาวอังกฤษฝ่ายที่ต้องการออกจากสหภาพยุโรป (อียู) เป็นฝ่ายชนะ ขณะที่นายคาเมรอน เป็นหัวขบวนรณรงค์ให้อังกฤษเลือกอยู่กับอียูต่อไป แต่จะยังไม่ลงจากตำแหน่งในทันที จะทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ในเดือนตุลาคมนี้เสียก่อน

               นายคาเมรอน กล่าวว่า จากนี้ไป อังกฤษจะต้องเตรียมพร้อมเจรจากับสหภาพยุโรป โดยจะต้องมั่นใจด้วยว่าทุกภาคส่วนในสหราชอาณาจักร ทั้งสก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ จะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะต้องอาศัยผู้นำที่มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว 

               "ผมภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้มานาน 6 ปี ผมเชื่อว่าเราก้าวหน้าอย่างมาก"

               เป็นที่คาดหมายกันว่า นายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกเทศมนตรีลอนดอน และแกนนำฝ่ายสนับสนุนออกจากอียู จะได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ อันหมายถึงการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปโดยปริยายด้วย แม้ว่านายจอห์นสัน เป็นหนึ่งใน ส.ส.กว่า 80 คนในพรรค ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายขอให้นายคาเมรอนอยู่ในตำแหน่งต่อไปไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

               สำหรับผลการนับคะแนนลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ตัดสินอนาคตประเทศว่าอังกฤษควรออกหรืออยู่ในสหภาพยุโรป ที่เสร็จสิ้นลงก่อนหน้าที่นายคาเมรอนจะออกมาแถลง ปรากฏว่า ชาวอังกฤษเลือกออกจากอียู จำนวน 17.4 ล้านเสียง คิดเป็น 51.9% และเลือกอยู่ในอียูต่อไป จำนวน 16.1 ล้านเสียง หรือ 48.1% จึงชนะด้วยคะแนนห่างกัน 1.27 ล้านคะแนน

 

 

               ส่วนอัตราผู้ออกมาใช้สิทธิ์ประมาณ 71.8% หรือกว่า 30 ล้าน จากเกือบ 46.5 ล้านคน ที่ลงทะเบียนไว้ เป็นตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์สูงที่สุดนับจากการเลือกตั้งอังกฤษเมื่อปี 2535

               หลังผลรวมคะแนนออกมาเป็นเช่นนี้ พรรค ซินน์ เฟน ของไอร์แลนด์เหนือ ประกาศว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงอังกฤษกำลังลากให้ไอร์แลนด์เหนือต้องออกจากอียูตามไปด้วย ขณะที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในไอร์แลนด์เหนือราว 55.8% หนุนให้สหราชอาณาจักรอยู่กับอียู

               ดีแคลน เคียร์นีย์ ประธานพรรคซินน์ เฟน กล่าวว่า ผลประชามติจะเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์การเมืองของไอร์แลนด์เหนือ และซินน์ เฟน จะเรียกร้องความต้องการของตัวเองที่รอคอยมานาน คือ การจัดลงประชามติแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร เพื่อไปผนวกรวมกับไอร์แลนด์

               ขณะเดียวกันนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสก็อตแลนด์ กล่าวว่า ชาวสก็อตออกเสียงชัดเจนว่าต้องการอยู่กับอียูด้วยคะแนนเสียง 62 ต่อ 38%

               ก่อนหน้านี้ นายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรค ยูเค อินดิเพนเดนซ์ (ยูคิป) ซึ่งเป็นแกนนำผลักดันสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป อ้างชัยชนะผ่านทางทวิตเตอร์ว่า นี่คือ รุ่งอรุณแห่งเอกราชของอังกฤษ และหากการคาดการณ์ถูกต้อง จะถือเป็นชัยชนะของประชาชนอย่างแท้จริง 

               "เราได้ต่อสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ วนธนกิจและคำโกหกของพรรคการเมืองใหญ่ การทุจริตและหลอกลวง และเราทำสำเร็จโดยไม่ต้องยิงกระสุนแม้แต่นัดเดียวแต่ด้วยการทำงานหนัก และเป็นความสำเร็จไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองแต่เพื่อยุโรปทั้งหมด"

 

( หากเลือกออกจากอียู จะเกิดอะไรขึ้น อ่านต่อ ... )

 

               ทั้งนี้ ผลการลงประชามติฉุดค่าเงินปอนด์ดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์นับจากปี 2528