ข่าว

คิดในใจดังๆให้อสังหาฯได้ยิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สวัสดีเศรษฐกิจ : คิดในใจดังๆให้อสังหาฯได้ยิน : โดย...สุรพล โอภาสเสถียร


               ด้วยปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มเร่งตัวเติบโตมีการประเมินว่าจะอยู่ในกรอบการเติบโต 3-3.5% มีภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนกว่า 11 ล้านล้านบาท และอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้คืนอยู่ที่ประมาณ 35-40% ของรายได้ต่อเดือน ขณะที่ภาวะการส่งออกยังไม่ค่อยจะดีขึ้น บริษัทที่ส่งออกก็มีผลประกอบการลดลง รายได้ของคนที่เข้าไปอยู่ในสายโซ่ของการส่งออกย่อมได้รับผลกระทบ

               ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ มีบ้าน มีคอนโด ที่ขายทอดตลาดไม่หมดจากปี 2558 ถูกยกมาขายในปีนี้จำนวนหนึ่ง และมีสิ่งที่กำลังสร้างเสร็จในปี 2559 และต้องขาย ตัวเลขของจำนวนบัญชีสินเชื่อที่เปิดใหม่ อนุมัติใหม่ในสินเชื่อบ้าน ทั้งบ้านเก่า บ้านใหม่ บ้านมือสอง รวมทั้งคอนโด มีประมาณไม่เกิน 4 แสนบัญชีในแต่ละปี ดังนั้นการจะขึ้นโครงการใหม่ การจัดการกับยอดขาย การจัดการให้มีการโอนเร็วจึงไปขึ้นกับความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้

               ประธานบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์กล่าวว่า นอกจากธนาคารจะเข้มงวดสินเชื่อสำหรับคนที่ทำโครงการแล้ว ในฝั่งสินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้แก่รายย่อย (คนซื้อบ้านซื้อคอนโด) หากเป็นลูกค้าของผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก มีอัตราดอกเบี้ยแพงกว่ารายใหญ่ 0.5% จึงเป็นภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นแก่ลูกค้า เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้ามีโอกาสกู้ไม่ผ่านสูงขึ้น เนื่องจากภาระต่อเดือนในยอดผ่อนสูงขึ้น 

               แต่ก็มีอีกความเห็นหนึ่งของนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรปรากฏในสื่อว่า 1.สถานการณ์ปีนี้บริษัทอสังหาฯ รายกลางเล็กมีความยากลำบากและเสียเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่ มาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะแหล่งทุน 2. ในเวลาเดียวกันการปล่อยสินเชื่อรายย่อยมีความเข้มงวด ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น

               “สถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ยังมีตัวช่วยจะฟื้นกำลังซื้อผู้บริโภค โดยสมาคมเคยขอให้รัฐช่วยผ่อนปรนการตรวจสอบเครดิตบูโรถ้าลูกหนี้มีประวัติหนี้เสียแม้จะเคลียร์หนี้ก้อนนั้นแล้ว แต่เครดิตบูโรจะแขวนประวัติเขาไว้ 3 ปี เราขอปลดล็อกให้เหลือ 1 ปีได้ไหม ขอเป็นมาตรการชั่วคราว ถ้าหากทำได้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนทันที ถ้าหากเฉลี่ยมีการขอกู้ใหม่คนละ 1 ล้านบาท เท่ากับจะมีกำลังซื้อ 1 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบ”

               ผมคิดในใจดังๆ ให้ได้ยินดังนี้ 1.ทำไมไม่ลดราคาบ้านหรือคอนโดลงมาเพื่อให้มันมียอดกู้น้อยลงครับ มันแพงเกินไปหรือไม่ ได้พยายามเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐหรือเปล่า เพราะอันนั้นดอกเบี้ยถูกมาก 2.การทำธุรกิจมีความเสี่ยงเสมอ ผู้บริหารมืออาชีพก่อนโบ้ยหรือผลักอะไรให้คนอื่น เราได้ทำในส่วนของเราดีแล้วหรือยัง 3.ขนาดดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝากต่ำแบบนี้ยังเป็นแบบนี้ พอดอกเบี้ยแพงขึ้นมาสงสัยจะมีข้อเรียกร้องให้ออกกฎหมายให้ธนาคารต้องอนุมัติทุกรายการหรือไม่ 

               4.เคยเห็นท่านนั่ง และให้ความเห็นเรื่องใบอนุญาต เรื่อง EIA ด้วยความชื่นชม ซึ่งไทยถูกประเมินด้วยธนาคารโลก ท่านก็ได้ยิน ได้ฟัง เอกสารก็มีในเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อ เงื่อนเรื่องนี้ระบุว่า ถ้าเอาอย่างที่ท่านเสนอแนะ (แขวนไว้ 1 ปี) ประเทศจะถูกประเมินให้คะแนนตก 5.คิดต่อไปว่าท่านคงมีเงินฝากกับธนาคารบ้าง ท่านสบายใจมั้ยถ้าธนาคารเขาไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ และไม่ทำในสิ่งที่ต้องทำ ธนาคารต้องดูแลเงินฝาก ทำอะไรเอาง่ายเข้าว่ามันมีโทษ ถึงคุกนะครับ

 

-----------------------

(สวัสดีเศรษฐกิจ : คิดในใจดังๆให้อสังหาฯได้ยิน : โดย...สุรพล โอภาสเสถียร)

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ