บันเทิง

รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง Someone Like You 22

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เฉินหยู่ซีง' รู้ความจริงเรื่อง 'เหลียงลั่วหาน' คือฝาแฝด

ซีรีส์ไต้หวัน Someone Like You: รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น. / 01.00 น. ทางช่อง NOW26

    ฟางจ่านเฉิงกับเฉินหยู่ซีเดินมาถึงบ้าน
    เฉินหยู่ซีบอกเขินๆ “บอส นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับบ้านเถอะ”
    “ได้ งั้นเธอก็รีบพักผ่อนล่ะ ราตรีสวัสดิ์”
    “ราตรีสวัสดิ์”
    เสียงหวางอี้เจินดังมาว่าหลังคารั่ว เฉินหยู่ซีรีบเข้าไปดู ฟางจ่านเฉิงตามไปด้วย และเห็นหลังคาน้ำหยดลงมาตรงที่นอนของเฉินหยู่ซีพอดี ฟางจ่านเฉิงชวนไปนอนบ้านเขาก่อน
    ที่บ้านฟางจ่านเฉิง ในห้องที่เฉินหยู่ซีคอยนอน สองแม่ลูกคุยกัน
    “พวกเรามาพักกันอยู่ที่นี่ ไม่เป็นการรบกวนบอสลูกจริงๆ หรือ” แม่กังวล
    “ไม่หรอกค่ะ บอสเขาไม่คิดอะไรหรอก”
    “แน่ใจนะ เฉินหยู่ซี มีอะไรปิดบังแม่อยู่ใช่มั้ย”
    “ไม่สักหน่อย”
    “ห๊า ยังจะไม่มีดูยิ้มเข้าสิ นี่ รีบบอกเร็วๆ”
    เฉินหยู่ซีเขิน “แม่ หนูจะบอกให้ หนูกับบอสคบกันแล้ว”
    “จริงๆ เรอะตั้งแต่เมื่อไร”
    เฉินหยู่ซีเขินหน้าแดงเล่า “ตอนค่ำๆ เขามาสารภาพกับหนู แล้วหนูก็ตกลงแล้ว แม่รู้มั้ย ว่าบอสหนูโรแมนติกมาเลย เขาตกแต่งรถกระเช้าเหมือนรถม้า ทำให้หนูเหมือนเจ้าหญิง แล้วยัง ตกแต่งฐานลับเอาไว้อย่างสวยงาม จุดเทียนด้วย บอสน่ารักมากเลย”
    หวางอี้เจินตัดบทว่าดึกแล้วให้เฉินหยู่ซีไปอาบน้ำ
    หวางอี้เจินออกจากห้องมาเจอฟางจ่านเฉิงก็ขอคุยด้วย ทั้งสองเดินออกมานอกบ้าน
    “ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ”
    “ขอบคุณครับ”
    “เฮ่อ ฉันไม่อ้อมค้อมแล้วกัน เรื่องของคุณกับหยู่ซี หยู่ซีบอกฉันหมดแล้ว”
    “เออ คุณแม่เฉินขอโทษครับ ที่จริงผมกับหยู่ซีคิดจะไปบอกคุณเรื่องนี้แต่ว่า”
    หวางอี้เจินขัด “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจค่ะ ฉันแค่ว่ารู้สึกว่าเรื่องนี้มันกะทันหันไปหน่อย แต่ในฐานะแม่ของหยู่ซี ฉันสมควรที่จะถามให้ชัดเจน หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะคะ”
    “คุณแม่เฉิน เชิญพูดได้ครับ”
    “คุณชอบหยู่ซีจริงๆ หรือว่าเห็นเธอเป็นลั่วหานคะ”
    “แม่เฉิน ผมเข้าใจความคิดของคุณครับ แต่ในใจของผม หยู่ซีไม่เคยมาแทนที่ใคร เธอก็คือเธอ”
    “แต่ว่าความเกี่ยวข้องของหยู่ซีกับลั่วหาน”
    “ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเธอก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ไม่มีใครแทนที่ใคร คุณแม่เฉิน ผมรู้ว่าถึงจะพูดยังไงคุณก็คงยังไม่เชื่ออยู่ดี แต่ขอให้โอกาสผมสักครั้ง ให้ผมได้ดูแลเธอ มอบความสุขให้เธอ”
    หวางอี้เจินอึดอัด “คุณอย่าเห็นว่าหยู่ซีดูยิ้มแย้ม เป็นคนเข้มแข็งอารมณ์ดี ที่จริงเธอชอบร้องไห้กลัวจะทำให้คนอื่นเป็นห่วง”
    ฟางจ่านเฉิงแทรก “ดังนั้นมักจะหลบไปร้องไห้คนเดียว เวลาเสียใจ ก็จะชอบกินน้ำตาลสายไหม เมื่อรักใครคนหนึ่งจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา แม้ตัวเองจะต้องกล้ำกลืน ดูแลคนอื่นมากกว่าที่จะดูแลตัวเองหลายเท่า”
    “เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว แต่ถ้าหากคุณดูแลหยู่ซีของฉันไม่ดี ให้ความสุขเธอไม่ได้ คุณอย่าลืมนะว่าฉันเป็นผู้สืบทอดของเจ้าแม่เก้าสวรรค์ ฉันจะไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่นอน”
    “แม่เฉิน ขอให้คุณวางใจ และเชื่อใจผม หากมีเรื่องเช่นนั้นจริง ผมก็จะไม่ปล่อยตัวเองไว้แน่”
    ฟางจ่านเฉิงให้คำมั่น ทำให้หวางอี้เจินรู้สึกดีกับเขามากยิ่งขึ้น
    ดึกแล้ว หว่างอี้เจินหลับไปแล้วแต่เฉินหยู่ซียังนอนคิดเรื่องตัวเองและยิ้มๆ นอนไม่หลับ จึงลุกออกไป
    เฉินหยู่ซีออกมานั่งนอกบ้าน ฟางจ่านเฉิงนำผ้ามาคลุมให้และลงนั่งข้างๆ
    “นอนไม่หลับหรือ”
    “อืม คุณก็นอนไม่หลับหรอ”
    “ทำไมหรือ”
    “ฉันแค่ คิดไม่ถึง ว่าพวกเราจะมาคบกันแบบนี้”
    “นั่นสิ ผมก็ยังไม่อยากเชื่อเหมือนกัน”
    “มันไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรือ”
    “ไม่ใช่ ผมอยากจะบอกว่า ตั้งแต่ลั่วหานจากไปแล้ว ผมไม่คิดว่าจะรักคนอื่นได้อีก ขอบคุณมาก ที่ทำให้คำอธิษฐานของผมเป็นจริง”
    เฉินหยู่ซีเอาผ้าห่มฟางจ่านเฉิงด้วย “บอส ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
    ฟางจ่านเฉิงตีหน้าขรึม “บอสเรอะ” 
    “ก็ฉันไม่ชินนี่นา” เฉินหยู่ซีเขินแต่สบไหล่ฟางจ่านเฉิงนั่งชมดาวด้วยกัน
    วันรุ่งขึ้น ฟางจ่านเฉิงออกจากลิฟท์มาพร้อมเฉินหยู่ซี เสิ่นเวยเหลียนถือกล่องหนังสือออกจากห้องมาก็แซว
    “อุ๋ยๆ สองคนเดินมาทำงานด้วยกัน สวีทกันน่าดูเชียว เพื่อนยาก เรื่องนั้น หลังคาบ้านของอาซ้อฉันให้คนไปซ่อมเสร็จแล้ว”
    เฉินหยู่ซีตีหน้าเข้ม “เวยเหลียน”
    “โทษที พูดผิดไปหน่อย พูดผิดไปหน่อย เป็นหลังคาบ้านของหยู่ซี ฉันให้คนไปซ่อมเสร็จแล้ว”
    เฉินหยู่ซีสวน “ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันได้ยินแล้ว”
    “อย่าทำแบบนี้สิ จริงสิ ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าเด็กๆ ที่โรงเลี้ยงเด็กชอบอ่านการ์ตูน ฉันหาทั่วบ้านรวบรวมมาได้ชุดหนึ่ง เป็นไงฉันตั้งใจใช่มั้ยล่ะ”
    เฉินหยู่ซีเหล่ “คิดว่าเปลี่ยนหัวข้อก็แล้วไปงั้นเรอะ”
    “ผมเปลี่ยนหัวข้อที่ไหนกัน จ่านเฉิง วางลงๆ เราเข้าไปหารือเรื่องเปิดหน้าดินในห้องดีกว่า อาซ้อ บ๊ายบาย”
    เฉินหยู่ซีมองตามไป แล้วตรงมานั่งดูหนังสือการ์ตูน
    “ทำไมไม่เรียงเล่มมาด้วยเลยนะ เสี่ยวอัน พี่มีเรื่องจะคุยกับเธอพอดีเลย ไม่ใช่หรอก ก่อนนี้เธอบอกกับพี่ว่าเด็กๆ ที่โน่นอยากอ่านการ์ตูนไม่ใช่หรอ พี่ได้มาครบชุดเลยนะ ใช่สิแล้วจะเอาไปให้เมื่อไรดีล่ะ วันอาทิตย์ก็ได้นะ ได้สิ อืม แค่นี้ก่อนนะ บ๊ายบาย โธ่เอ๊ยฉันนี่ แหมซุ่มซ่ามจริงเลย”
    เฉินหยู่ซีเห็นรูปที่ฟางจ่านเฉิง เสิ่นเวยเหลียนถ่ายกับเหลียงลั่วหานในวันเกิดของเธอ
    “นี่มันอะไรน่ะ ลั่วหาน ทำไมถึงเกิดวันเดียวกับฉันล่ะ”
    เฉินหยู่ซีคิดถึงคำพูดของฟางจ่านเฉิงที่ว่าเธอไม่แปลกใจเหรอว่าทำไมหน้าตาเหมือนเหลียงลั่วหาน ทำไมคนไม่มีความเกี่ยวพันกันถึงหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกัน
    ฟางจ่านเฉิงเดินออกมาพร้อมเสิ่นเวยเหลียน ทั้งสองชะงักมองเฉินหยู่ซี เสิ่นเวยเหลียนขอโทษ 
    ฟางจ่านเฉิงพาเฉินหยู่ซีออกมาคุยตามลำพัง เฉินหยู่ซียังมองรูปนั้น
    “พวกเราเกิดวันเดียวกัน หน้าตาก็เหมือนกัน หรือว่า ฉันกับลั่วหาน จะเกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่ว่า แม่ฉันบอกว่ามีฉันเป็นลูกสาวคนเดียวนี่นา แล้วทำไมหวางอี้เจิน:. หรือว่าแม่จะโกหก ที่จริงฉันมีพี่น้องฝาแฝดอีกคน แล้วทำไมแม่ต้องแยกพวกเรา ส่งเธอให้กับคนอื่นด้วย”
    ฟางจ่านเฉิงแทรก “เธอไม่ได้ทำ”
    “ถ้าอย่างนั้น ฉันกับลั่วหาน ถูกรับมาเลี้ยงเหมือนกัน ฉันไม่ใช่ลูกสาวของแม่”
    “ในใจแม่เธอ เธอเป็นลูกสาวคนเดียว”
    “แต่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ใช่มั้ย”
    “หยู่ซี ฟังฉันพูดนะ คุณแม่เฉินกลัวว่าจะต้องสูญเสียเธอไปเท่านั้นถึงได้ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ แต่เธอก็คิดตลอดว่า สักวันหนึ่งจะบอกเรื่องนี้กับเธอเอง หยู่ซี”
    “คุณรู้มาก่อนนี้แล้ว ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพักนะคะ” ฟางจ่านเฉิงยอมเดินออกไปก่อน
    เฉินหยู่อันโทรคุยกับเซี่ยเฟยเฟย เธอบอกว่าให้รออีกนิดซื้อของยังไม่เสร็จ ก่อนวางสายเธอสั่งให้ใส่เสื้อที่เธอให้ด้วย 
    เซี่ยเฟยเฟยไปถึงโรงเลี้ยงเด็ก เฉินหยู่อันกำลังเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง พอเด็กๆ เห็นเซี่ยเฟยเฟยกับเฉินหยู่อันใส่เสื้อเหมือนกันก็แซวเป็นเสื้อคู่รัก
    เซี่ยเฟยเฟยแก้ต่างว่า “เสื้อคู่รักอะไรกัน ใส่เหมือนกันแล้วต้องเป็นแฟนกันเรอะ แล้วพวกเธอใส่ชุดนักเรียนเหมือนกัน แบบนี้ก็ต้องเป็นแฟนกันงั้นหรือ ก็แค่ ซื้อสองตัวลดครึ่งราคา ฉันก็เลยซื้อสองตัวสิ มองฉันทำไม ไม่เชื่อหรือไง เธอบอกให้ฉันประหยัดเงินไม่ใช่หรอ”
    เฉินหยู่อันรีบบอกต่อ “ใช่ เอาล่ะๆ เด็กๆ พวกเราไปเล่นว่าวกันดีกว่า”
    กลุ่มเด็กเฮกันไป เฉินหยู่อันถามเซี่ยเฟยเฟยว่าซื้ออะไรเยอะแยะ เธอว่าของเล่นพวกเด็กๆ
    ที่สนาม เฉินหยู่อันวิ่งเล่นว่าวกับเด็กๆ เซี่ยเฟยเฟยได้แต่ยืนมอง จนเด็กหญิงมาถามเธอจึงบอกว่าเล่นไม่เป็น เฉินหยู่อันเข้ามาหาถามว่าเล่นไม่เป็นเหรอ เซี่ยเฟยเฟยก็ต่อว่าไม่เป็น เขาสอนเธอเล่น แต่ก็ล้มไปด้วยกัน  เซี่ยเฟยเฟยทับขาเฉินหยู่อันจนเธอกะเผลก เธอรีบขอโทษ
    เซี่ยเฟยเฟยเดินจูงเฉินหยู่อันมาตามทาง
    “ระวังนะ ระวังนะ ขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ”
    “ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ”
    “ไม่เป็นไรได้ยังไง ดูเท้าบวมออกอย่างงี้ หมอยังบอกให้เธอพักผ่อนหลายๆ วัน”
    “ไม่หนักขนาดนั้นหรอก แล้วคุณล่ะ คุณก็หกล้มเหมือนกัน เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย”
    “ฉันไม่เป็นไร”
    “เอาล่ะ ผมไม่ป็นไรจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วง”
    “งั้น ฉันดูแลเธอเอง” เฉินหยู่อันตกใจ “คือฉันพูดว่าฉันดูแลเธอไง”
    “ไม่ต้องหรอกไม่ต้อง”
    เซี่ยเฟยเฟยขัด “ไม่ได้ฉันตัดสินใจแล้ว ระหว่างที่เธอเดินเขยกช่วงนี้ฉันจะดูแลเธอเอง ระวังหน่อยนะ”
    ที่บ้านฟางจ่านเฉิง เขาพาเฉินหยู่ซีกลับมาก็เห็นหวางอี้เจินกำลังทำกับข้าว พลางบ่นที่กลับกันเร็วแล้วไม่โทรบอกให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้กินข้าวกัน เฉินหยู่ซีที่มองแม่แล้วโผเข้าไปกอด ฟางจ่านเฉิงยิ้มๆ
    “อุ๊ย ทำอะไรน่ะ วันนี้เป็นอะไรไป”
    “หนูดีใจ ที่แม่เป็นแม่หนู”
    “แกพูดอะไรน่ะ ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครได้”
    เฉินหยู่ซีพึมพำ “ใครก็ไม่เอา เอาเสี่ยวเหล่งนึ่งคนเดียว”
    “ปากหวานจริง กินยาลืมเขย่าขวดหรือไง ทำไมพูดจากน่าขนลุกจัง นี่ แฟนแกดูอยู่โน่นไม่อายหรือไง”
    “ไม่หรอก”
    “ปล่อยได้แล้ว”
    “ไม่เอาหนูจะกอดเอาไว้แบบนี้แหละ”
    “ตอนนี้ถ้าแกไม่ปล่อย แม่จะทำกับข้าวยังไง”
    เฉินหยู่ซีพึมพำ “ทำทั้งอย่างนี้แหละ”
    “แบบนี้หยิบอะไรไม่สะดวก”
    เฉินหยู่ซีพึมพำ “ไม่สนหนูจะกอดแบบนี้”
    ค่ำแล้ว เฉินหยู่ซีออกนอกบ้าน เธอมองฟางจ่านเฉิงแล้วเอ่ยว่า
    “ฉันคิดไม่ตก ว่าควรจะถามออกไปหรือเปล่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะแม่ ตอนนี้ฉันคงยังเป็นเด็กกำพร้าก็ได้ อาจโตมาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ใช้ชีวิตคนเดียว ไม่เคยจะรู้ถึงความอบอุ่นของครอบครัว ดังนั้น ในเมื่อแม่ไม่อยากให้ฉันรู้ ฉันก็ให้ตัวเองไม่เคยรู้อะไรแล้วกัน ขอบคุณค่ะ นี่คงเป็นคำที่คุณเคยบอก ว่าบางครั้งเพื่อไม่ให้คนที่เรารักต้องเจ็บปวดจึงจำเป็นต้องพูดโกหกสีขาว ใช่มั้ยคะ บอส แม้จะเป็นโกหกสีขาวที่ปกป้องอีกฝ่ายได้ แต่สำหรับฉันแล้ว ยังหวังว่าจะเผชิญหน้ากับความจริง ฉันรู้ดีว่าความจริงบางครั้งอาจนำความเจ็บปวดมาให้ แต่ฉันไม่กลัว เพราะข้างกายฉันมีคนที่รักอยู่มากมาย เป็นแรงใจให้กับฉันอยู่แล้ว ดังนั้น รับปากนะคะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะต้องไม่ปิดบังฉัน ให้พวกเราเผชิญหน้าไปด้วยกัน ได้มั้ย” เฉินหยู่ซีพิงฟางจ่านเฉิง
    “ได้ ไม่ปิดบังแน่นอน”
    “บอส คุณคงไม่กลายเป็นสระน้ำหรอกนะ”
    ฟางจ่านเฉิงคิดย้อนคำพูดตัวเองแล้วตอบเธอว่า “ฉัน คงจะไม่กลายเป็นสระน้ำ เพราะว่า ฉันเป็นก้อนหินที่แข็งแกร่ง”
    หวางอี้เจินได้ยินก็ซาบซึ้งใจ 
    “เด็กโง่ แม่ปิดบังเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แกยังไม่ตำหนิแม่ ใครสั่งใครสอน ทำไมถึงโง่แบบนี้”
    หวางอี้เจินสะอื้น “ในเมื่อแกไม่อยากให้แม่รู้ แม่ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้เหมือนกัน แกเป็นลูกของแม่ เป็นตลอดไป”
    เซี่ยเฟยเฟยไปที่โบสถ์เห็นเฉินหยู่อันกวาดลานอยู่ก็เข้าไปบอกให้ไปนั่ง เธอกวาดให้เอง เฉินหยู่อันจะไม่ยอม เธอเลยดุให้
    ฟางจ่านเฉิงพาเฉินหยู่ซีมาที่สุสานเหลียงลั่วหาน เธอขออยู่ตามลำพัง ฟางจ่านเฉิงจึงเดินออกไป
    “ที่จริงตอนนี้ฉันตื่นเต้นมากเลย ทั้งๆ ที่มีเรื่องอยากจะพูดตั้งมากมาย แต่ ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ฉันเอาดอกไม้มาให้ หวังว่าเธอจะชอบนะ เรื่องของเธอฉันรู้จากปากของคนอื่น ถ้าหากรู้เร็วกว่านี้หน่อย ไม่แน่ว่า ฉันอาจจะได้เห็นเธอ ได้รู้จักเธอ ขอโทษนะ ที่มาหาเธอเอาป่านนี้ ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย”
    เฉินหยู่ซีน้ำตาซึม “เรื่องของเธอ ถ้าหากรู้เร็วกว่านี้หน่อย ไม่แน่ว่าฉันอาจจะได้เห็นเธอ ได้รู้จักเธอ เราจะได้ไปเที่ยวกัน ไปช็อปปิ้ง ระบายความในใจ เล่าความลับให้ฟัง ไม่แน่ว่า เธอคงช่วยสอนหนังสือให้ฉัน เราคงสอบเข้านักเรียนแพทย์ ได้เป็นคุณหมอคู่แฝด ได้ทำอะไรด้วยกันมากมาย ขอโทษนะ ที่มาหาเธอเอาป่านนี้ ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย”

(จบตอนที่22) 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ