ข่าว

"บิ๊กต๊อก" พร้อมโอนงานบำบัดฟื้นฟูผู้เสพทั้งระบบให้สธ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กต๊อก"พร้อมโอนงานบำบัดฟื้นฟูผู้เสพทั้งระบบให้สธ. ย้ำเมื่อการบำบัดเข้มแข็งจึงเดินหน้าก๊อก2สู่การเปลี่ยนสถานะเมทแอมเฟตามีน ส่วน"ยาบ้า"ถือเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย

กระทรวงยุติธรรม. -22 มิ.ย.59 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าในการประชุมสหประชาชาติ (UNGASS) เพื่อกำหนดทิศทางป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของโลกโดยได้ชี้แจงกับที่ประชุม UNGASS ว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ยาเสพติดถูกต้องตามกฎหมาย แต่เห็นด้วยที่ให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย และไทยไม่พร้อมที่จะยกเลิกโทษประหารชีวิต แต่จะลงโทษผู้กระทำผิดให้ได้สัดส่วนกับพฤติกรรมการกระทำผิด ซึ่งไทยได้แก้กฎหมายยาเสพติดเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติดโดยลงโทษผู้กระทำผิดให้ได้สัดส่วนกับพฤติกรรม โดยแยกผู้ค้ารายใหญ่และกลุ่มนายทุนให้มีโทษรุนแรง ส่วนผู้ที่เข้ามาเป็นแรงงานยาเสพติดและผู้เสพจะต้องได้รับการลงโทษที่เหมาะสม ซี่งการคัดกรอง แยกแยะ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
  
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่านโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดยังต้องมี 3 แนวทางเช่นเดิม คือ ป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟู พร้อมยืนยันว่ายาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องเสพให้มองเป็นเรื่องของสุขภาพที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลทั้งระบบ โดยหลังจากนี้อาจขอให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลฟื้นฟูผู้เสพ เนื่องจากเดิมผู้ป่วยที่ได้รับการฟื้นฟูมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มบังคับบำบัด และกลุ่มสมัครใจบำบัด ซึ่งต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เป็นเอกภาพ โดยอาจต้องปรับทั้งเรื่องงบประมาณและบุคลากร ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะเป็นหน่วยงานสนับสนุน แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้การบำบัดฟื้นฟูได้ผลและสอดคล้องกับประมวลกฎหมาย
    
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า การป้องกันและปราบปรามต้องทำอย่างจริงจังทั้งในและนอกประเทศ พร้อมย้ำว่ายาบ้าไม่มีทางถูกกฎหมายเพราะยาบ้าเป็นยาเสพติด ไทยไม่พร้อมที่จะทำให้ยาเสพติดถูกต้องตามกฎหมาย แต่การกำหนดให้เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดประเภท 1 เช่นเดียวกับเฮโรอีนและให้มีโทษในอัตราสูงสุดเช่นเดียวกันนั้นเป็นการลงโทษที่ผิดเพี้ยน ผู้เสพไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ขอย้ำว่าต้องลงโทษผู้กระทำผิดให้ได้สัดส่วนตามพฤติกรรมการกระทำผิด โดยการจะปรับเมทแอมเฟตามีนให้มีสถานะอื่นไม่ว่าจะเพิ่มหรือลดระดับต้องจัดการทั้งระบบพร้อมกับยาเสพติดตัวอื่นไม่จำเป็นต้องรอให้ประมวลกฎหมายฯมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม การปรับสถานะเมทแอมเฟตามีนและแนวคิดเรื่องการบำบัดผู้เสพ ไม่ได้หมายความว่าจะนำนักโทษในเรือนจำออกมาบำบัด กระทรวงยุติธรรมจะไม่เข้าไปแทรกแซงคดีที่ถูกตัดสินโทษแล้ว นักโทษในเรือนจำจะต้องรับการบำบัดฟื้นฟูในเรือนจำ

"อย่าส่งคนป่วยไปคุก เพราะคุกไม่ใช่ที่รักษา ต้องให้ผู้ป่วยไปอยู่กับหมอ ขณะนี้เรากำลังใช้กฎหมายเอาคนป่วยไปอยู่ในคุก โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมราชทัณฑ์ต้องช่วยสนับสนุนการทำงานของสาธารณสุขไม่ใช่ให้เป็นแหล่งมั่วสุม ในส่วนของรัฐบาลต้องมีความพร้อม และทุกหน่วยงานต้องร่วมกันทำงานไปพร้อมๆกันเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นระบบ" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
  
ด้านนพ.บุญชัย  สมบูรณ์สุข  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเห็นด้วยในหลักการ และถือเป็นความพยายามที่ดีในการแก้ปัญหายาเสพติด ส่วนการปรับเปลี่ยนสถานะเมทแอมเฟตามีน ยังต้องหารือในรายละเอียดว่าจะเปลี่ยนเป็นระดับใด ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง ตั้งแต่ปี 2539 ภายหลังประกาศให้ยาม้าเป็นยาบ้าพบว่าผู้เสพและปริมาณยาเสพติดเพิ่มขึ้น ในฐานะที่อย.เป็นหน่วยงานเก็บรักษาของกลางพบว่าจากเดิมมียาบ้าอยู่ในที่เก็บรักษา 30 ตัน แต่ปัจจุบันมีถึง 50 ตัน โดยในวันที่ 24 มิ.ย.นี้. จะมีการทำลายยาบ้าอีก 5 ตัน จึงเห็นว่าวิธีการเดิมที่ใช้แก้ปัญหาอาจไม่ได้ผลและอาจแก้ปัญหาไม่ได้.

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ