'ปลัดบางละมุง'โต้ไม่เคย'ซ้อม-ตบทรัพย์'ช่างจยย.

               จากกรณีนายอนุชิต หรือหมู ยังคำมั่น อายุ 23 ปี และนายวัลลภ แดงดี อายุ 29 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.จีระศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ว่ากลางดึกวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างตัวเป็นปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง บุกเข้าไปในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ภายในซอยพรประภานิมิตร ต.หนองปรือ อ.บางละมุง และลงมือซ้อมให้รับสารภาพว่าเป็นคนขายยาเสพติด ก่อนคุมตัวไปที่เซฟเฮ้าส์หลังที่ว่าการอำเภอบางละมุง แล้วทำร้ายร่างกายอีกหลายครั้ง จากนั้นหนึ่งในนั้นจะปลดเอาสร้อยสแตนเลสกับพระเครื่อง 4 องค์ของนายอนุชิต และปล่อยตัวกลับบ้านโดยที่ไม่มีความผิดใดๆ นั้น
               ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นายชาคร กัญจนวัตตะ นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและได้รับการเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกกล่าวหาคือ ร.ท.ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในชุดปราบปรามยาเสพติด โดยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร.ท.ภรศิษฐ์ ได้นำกำลังไปจับกุมนายยงยุทธ ทรัพย์สิน อายุ 29 ปี คนขับเรือสปีดโบ๊ต ในพื้นที่ ต.ตะเคียนเตี้ย พร้อมยึดของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 1.75 กรัม และอุปกรณ์การเสพ โดยนายยงยุทธ ให้การซัดทอดว่ารับยาเสพติดมาจากนายอนุชิต หรือหมู ยังคำมั่น และนายเดี่ยว ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในซอยพรประภานิมิตร
               ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันจึงขยายผลนำกำลังไปตรวจค้นที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าว จนพบนายอนุชิต นายวัลลภ และเพื่อนชายอีก 2 คน กำลังนอนหลับอยู่ในร้าน จึงแสดงตัวขอตรวจค้นโดยใช้อำนาจในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงาน ปปส. เมื่อตรวจปัสสาวะพบว่า มีสีม่วง 2 คน ส่วนนายอนุชิต และนายวัลลภ ไม่พบสารเสพติด เบื้องต้นได้เชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่อำเภอบางละมุง จากการสอบปากคำนายอนุชิต ยอมรับว่า เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเคยขายยาไอซ์ให้กับนายยงยุทธ จำนวน 3 ครั้ง เจ้าหน้าที่จึงบันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งตัวผู้เสพ 2 คน และนายยงยุทธ ผู้ต้องหาที่ถูกจับคนแรกให้ตำรวจ สภ.บางละมุง ดำเนินคดี ก่อนปล่อยตัวนายอนุชิต และนายวัลลภ ไป เนื่องจากไม่พบของกลาง แต่ก็จะยื่นหนังสือคำรับสารภาพของนายอนุชิต และสำนวนคดีของนายยงยุทธ เพื่อขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับนายอนุชิต ในภายหลัง
               นายชาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่นายอนุชิต เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ไปนั้น เบื้องต้นยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ แต่เรื่องนี้เป็นสิทธิของนายอนุชิต ที่สามารถทำได้ และให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน สำหรับกรณีถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์นั้น ได้สอบถาม ร.ท.ภรศิษฐ์ แล้ว เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้กระทำตามที่นายอนุชิตกล่าวอ้าง ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้นต้องดูกันอีกที
               ขณะที่ ร.ท.ภรศิษฐ์ จิตรามวงศ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม กล่าวว่า การนำกำลังบุกจับกุมในครั้งนี้ตนได้ใช้อำนาจในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ ปปส.(ผู้ชำนาญการ) ซึ่งสามารถขอตรวจค้นและตรวจสอบผู้ต้องสงสัยได้ 24 ชั่วโมง หากมีการซัดทอดจากผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างทันท่วงทีกับสถานการณ์ และขอยืนยันว่า ตนกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้กระทำการเกินกว่าอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่ตนกับผู้ใต้บังคับบัญชาถูกกล่าวหาว่าไปทำร้ายร่างกายนายอนุชิตกับพวก และชิงทรัพย์นั้น ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ความจริงให้กระจ่างต่อไป