ข่าว

'ธรรมกาย'พาสื่อสำรวจรอบ-ใต้ถุนอุโบสถพิสูจน์ไร้อาวุธ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ธรรมกาย'บริสุทธิ์ใจพาสื่อสำรวจรอบอุโบสถวัด-ใต้ถุนอุโบสถไม่มีสิ่งผิดกฎหมายหรืออาวุธใด

           จากกรณีมีกระแสข่าวว่าวัดพระธรรมกายมีการสะสมสิ่งผิดกฎหรืออาวุธไว้ภายใต้อุโบสถของวัดนั้น โดยวันนี้ทางวัดได้มีการพาสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าไปตรวจสอบในจุดดังกล่าวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ที่วัดพระธรรมกาย โดยล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดได้เตรียมรถให้สำหรับสื่อมวลชนเพื่อนำไปที่อุโบสถ โดยมีพระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เป็นผู้นำสื่อมวลชนสำรวจบริเวณโดยรอบอุโบสถวัดพระธรรมกาย  และใต้ถุนอุโบสถ เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาว่ามีสิ่งผิดกฎหมายหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่

 'ธรรมกาย'พาสื่อสำรวจรอบ-ใต้ถุนอุโบสถพิสูจน์ไร้อาวุธ

           พระมหานพพร กล่าวว่า อุโบสถดังกล่าวเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2520 และเคยเปิดให้เข้าชมครั้งล่าสุดเมื่อ 35 ปีก่อน จากนั้นพระมหานพพร นำสื่อมวลชน สำรวจบริเวณใต้ถุนอุโบสถ จากการตรวจสอบบริเวณใต้อุโบสถพบว่าภายในมีความกว้างกว่า 60 ตารางวา มีความสูงประมาณ 2.3 เมตร เข้าไปได้ครั้งละไม่เกิน 30 คน ภายในเป็นที่เก็บของ อาทิ กระเบื้อง เครื่องมือก่อสร้าง และ อัฐบริขาร ที่ใช้ในพิธีทางศาสนาต่างๆ

           ด้าน นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัด พระธรรมกาย กล่าวว่า อุโบสถ ดังกล่าวอยู่ด้านหลังประตู 5 เป็นพื้นชั้นในสุดของวัด ใช้จัดงานบวชเป็นประจำ และใช้ปฎิบัติธรรม ส่วนใต้ถุนเป็นการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สำหรับเก็บอุปกรณ์เท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆซ่อนอยู่

           นายองอาจ กล่าวย้ำว่าพระธัมมชโย ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะที่ผ่านมาพระธัมมชโย รับเงินบริจาคจากลูกศิษย์กว่าหมื่นล้านบาท อย่างเปิดเผย ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว และไม่เคยถ่ายเงินคืนให้กับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ส่วนอาการ พระธัมมชโย ขณะนี้ยังอาพาธหนัก ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยใช้คณะแพทย์ชุดเดิม และมีทีมแพทย์เพิ่มเติมด้วย แต่ต้องพิจารณาก่อนว่าทีมแพทย์จะมีการแถลงอาการพระธัมมชโยหรือไม่

           นอกจากนี้นายองอาจ ยังได้กล่าวแถลงการณ์ทั้งหมด 4 ข้อ ว่า 1.หากเป็นผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดฟอกเงินและรับของโจรตามข้อกล่าวหาผู้กระทำจะต้องรู้อยู่แล้วว่า เมื่อมีการนำเงินออกจากสหกรณ์โดยมิชอบกว่าหมื่นล้านบาท สหกรณ์จะต้องล้มเกิดเป็นคดีความแน่นอนดังนั้นผู้ร่วมกระทำความผิดจะต้องพยามปกปิดซ่อนเร้นเส้นทางการเงิน เพื่อไม่ให้ความผิดมาถึงตัว เช่น แอบรับมาเป็นเงินสด ซุกซ่อนไว้ไม่ให้ใครรู้ และหาทางผ่องถ่ายเงินกลับไปสู่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร แต่พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคโดยเปิดเผยท่ามกลางประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนและรับบริจาคมาเป็นเช็คสหกรณ์ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หมด ผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดจะไม่มีใครรับเงินมาด้วยวิธีโง่ ๆ อย่างนี้แน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา” พฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า พระเทพญาณมหามุนีรับบริจาคมาโดยเปิดเผยและสุจริต

           2.บริจาคที่ได้รับมาทั้งหมด พระเทพญาณมหามุนีไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียวและไม่มีการผ่องถ่ายคืนไปให้นายศุภชัย จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด เนื่องจากไม่เคยเบิกถอนเงินสดเลย แต่เป็นการโอนผ่านบัญชีไปให้วัดและมูลนิธิเพื่อก่อสร้างเป็นศาสนสถานเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ซึ่งสำนักงานปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้วถูกต้อง

           3.พระเทพญาณมหามุนีบวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมทำความดีมาตลอดชีวิต สร้างพระสร้างวัดมีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนามากมาย จึงมีศิษยานุศิษย์ที่มีจิตศรัทธาในตัวท่านจำนวนมากบริจาคปัจจัยเป็นการส่วนตัวแก่พระเทพญาณมหามุนีรวมจำนวนกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งหลวงพ่อท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามประสงค์ แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่เคยถอนเงินสดออกมาเพื่อใช้จ่ายส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว ปัจจัยทั้งหมดได้โอนผ่านบัญชีบริจาคแก่วัดและมูลนิธิเพื่อประโยชน์สาธารณะทั้งสิ้น หลวงพ่อท่านจะมาทำความผิดฐานฟอกเงินและรับของโจรทำไมกับเงิน 300 กว่าล้านบาท ในเมื่อปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวเป็นหมื่นล้าน ซึ่งท่านสามารถเบิกไปใช้ได้ตามต้องการ ท่านยังไม่เคยเบิกไปใช้ส่วนตัวเลย แต่ได้นำมาทำบุญบริจาคสร้างวัด เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั้งหมด

           4.พระเทพญาณมหามุนีบวชมาแล้ว 47 พรรษา ปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิต สร้างศาสนสถานเป็นสมบัตืของพระพุทธศาสนาและประเทศชาติมูคค่ากว่า 40,000 ล้านบาท สร้างพระภิกษุผู้ตั้งใจบวชอุทิศชีวิตจำนวน 4,000 รูป สร้างอุบาสก อุบาสิกา ญาติโยมผู้มีศรัธาอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาหลายล้านคน ผู้ที่มีจิตไม่บริสุทธิ์ มาบวชเพราะหวังลาภสักการะ มีเจตนาทุจริต จะไม่ทำอย่างที่หลวงพ่อท่านทำและก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยชีวิต ทุ่มเทจิตใจทั้งหมดลงไป พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ศีลรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วม” คนอยู่ด้วยกันจะรู้นิสัยกัน ปิดไม่มิด หลวงพ่อท่านเป็นคนอย่างไร พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาในวัดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีต้องรู้ ไม่มีทางปิดกันได้ ถ้าหลวงพ่อท่านไม่ดีจริง พระภิษุก อุบาสก อุบาสิกาในวัดไม่มีทางอุทิศชีวิตตนเพื่อพระพุทธศาสนาตามคำสั่งสอนของท่านอย่างนี้ ชีวิตของใคร ๆ ก็รัก จะยอมอุทิศชีวิตตนก็ต่อเมื่อแน่ใจแล้วว่าสิ่งนั้นดีจริงเท่านั้น

           ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้นศิษยานุศิษย์ทั้งมวลจึงมั่นใจในความบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยและขอวิงวอนต่อสื่อมวลชน สังคม และกระบวนการยุติธรรม โปรดให้ความเป็นธรรมกับภิกษุชราอายุกว่า 72 ปี ที่กระทำความดีมาทั้งชีวิต และกำลังอาพาธหนัก อย่ารังแกท่านเลย อย่าเร่งรัดกระบวนการจนเกิดเป็นความรู้สึกว่าอาจกำลังหาทางกลั่นแกล้ง อาจเป็นการดำเนินคดีแบบมีใบสั่งยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาคดีกบฎซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า แต่ไม่เห็นทางดีเอสไอเร่งรัดดำเนินคดีแต่ประการใด

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ