บันเทิง

สตีฟ จ็อบส์:คำให้การอัจฉริยะปากกล้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

Steve Jobs : The Lost Interview สตีฟ จ็อบส์:คำให้การอัจฉริยะปากกล้า : เนชั่นทีวีอัพเดท โดยณัฐพงษ์ โอฆะพนม

          ปี 1995 มีรายการโทรทัศน์ชื่อ Triumph of Nerds สัมภาษณ์สตีฟ จ็อบส์ เกี่ยวกับการเกิดขึ้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือพีซี ช่วงเวลานั้น จ็อบส์ ลาออกจากบริษัทแอปเปิลที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมาได้ร่วมสิบปีแล้ว และเปิดบริษัทเน็กซ์เป็นของตัวเอง ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลออกจำหน่าย ผู้กำกับรายการ บ๊อบ คลิงจ์ลี่ย์ ใช้เวลาสัมภาษณ์จ็อบส์ยาวนานเป็นชั่วโมง แต่นำมาตัดออกอากาศในรายการไม่กี่นาที หลังจากนั้นเทปสัมภาษณ์ถูกเก็บไว้และไม่เคยถูกนำออกเผยแพร่ที่ไหนอีกเลย หลายปีต่อมาฟุตเทจสัมภาษณ์ครั้งนั้นถูกค้นพบในโรงรถของบ๊อบ แต่ก็เป็นเพียงสำเนาเทปวิดีโอวีเอชเอส มีการถูกนำมาทำความสะอาดและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ปรับปรุงคุณภาพของภาพและเสียง เพื่อนำบทสัมภาษณ์สตีฟ จ็อบส์ครั้งนั้น กลับมาเผยแพร่อีกครั้งด้วยการฉายขึ้นจอบนโรงภาพยนตร์แลนด์มาร์คเธียเตอร์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2012 ในรูปแบบภาพยนตร์สารคดีที่มีชื่อว่า “Steve Jobs : The Lost Interview”
 
          ความน่าสนใจในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ คือการเปิดเผยตัวตน มุมมองและวิสัยทัศน์ของสตีฟ จ็อบส์ การที่เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น มีเงินล้านดอลลาร์สหรัฐแค่อายุเพียง 23  ปี เพิ่มเป็นสิบล้านเมื่ออายุ 24 ปี และมากกว่าร้อยล้านตอนอายุ 25 จ็อบส์บอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน การมีเงินก็ดีตรงที่เขาสามารถลงทุนทำอะไรต่อไปได้โดยที่ไม่ได้อาจเกิดผลงอกเงยในเร็ววัน นั่นหมายถึงเงินไม่ได้มีความสำคัญสำหรับตัวเขามากไปกว่าการมุ่งมั่นทำงานในสิ่งที่ตัวเองสนใจและพัฒนาต่อไปให้ถึงที่สุด การสัมภาษณ์ครั้งนั้นเผยให้เห็นความเป็นคนหัวก้าวหน้าของจ็อบส์ เมื่อเขาเล่าให้ฟังถึงครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยของบริษัทซีร็อกซ์ จ็อบส์ไม่สนใจโครงการอื่นที่ซีร็อกซ์แนะนำเลยนอกจากเทคโนโลยีอินเตอร์เฟสรูปแบบกราฟฟิกที่เขาบอกว่ามันคือสิ่งที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้ (ต่อมาความสนใจเรื่องนี้ของจ็อบส์นำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเขาไม่ว่าจะเป็นไอแม็กซ์ ไอพอด ไอโฟน และไอแพด)
 
          เท่านั้นยังไม่พอ จ็อบส์ ยังวิพากษ์ธุรกิจอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในยุคสมัยนั้นอย่างตรงไปตรงมา เขาบอกว่าคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลล้ำหน้าคู่แข่งในตลาดไปถึง 10 ปี แต่ผู้บริหารยุคใหม่ (ในยุคที่ปราศจากตัวเขา) กลับไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำงานภายใต้ระบบเดิมๆ ที่เชื่อว่ามันเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว ดำเนินธุรกิจโดยอาศัยแค่การทำการตลาด จนถูกไมโครซอฟท์ของบิล เกตส์ แซงหน้าไปได้ (ในช่วงเวลานั้นราวยุค 90’s) ในขณะที่เขาเองก็วิจารณ์ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ว่าออกแบบอย่างไร้รสนิยมไม่มีความสร้างสรรค์และฉลาดหลักแหลมไม่มีการสอดแทรกวัฒนธรรมลงไปในสินค้า จ็อบส์ยกตัวอย่างการออกแบบฟอนท์ตัวหนังสือในซอฟต์แวร์ของเขาที่ไมโครซอฟท์ทำได้ไม่เท่าเทียม
 
          สตีฟ จ็อบส์ เชื่อมั่นในการทำงานเป็นทีมการควานหาคนเก่งๆแค่ไม่กี่คนมาร่วมงานกันก็สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมเขายกตัวอย่างคนทำหินขัดที่เขาเคยเจอจ็อบส์บอกว่าคนทำหินขัดออกแบบกระป๋องหนึ่งใบจากนั้นเลือกหยิบก้อนหินแข็งขรุขระเอามาใส่ในกระป๋องเติมผงขัดลงไปทิ้งไว้หนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นเขาก็ได้ก้อนหินผิวเรียบเงางามสิ่งที่เขาพยายามทำกับแอปเปิลก็เป็นแบบนั้นแต่เหล่าผู้บริหาร (เวลานั้น) กลับไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทำ
 
          จ็อบส์เชื่อในสิ่งที่ศิลปินเอกอย่างปิกัสโซเคยพูดเอาไว้ว่า “ศิลปินที่ดีจะลอกเลียนและศิลปินเอกจะขโมย” และเขาก็ไม่เคยละอายใจที่จะขโมยไอเดียเด็ดๆ มาสร้างงานของตัวเอง คอมพิวเตอร์แมคอินทอชมีความยอดเยี่ยมได้ทุกวันนี้ก็เพราะทีมงานที่สร้างมันขึ้นมา บางคนเป็นนักดนตรีเป็นกวีบ้างก็เป็นนักสัตววิทยานักประวัติศาสตร์ที่บังเอิญเป็นนักคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกด้วยผลิตภัณฑ์ของแมคจึงมีความเป็นศิลปะที่รวบรวมเอาศาสตร์แขนงอื่นๆ มาไว้ด้วย ซึ่งมันจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่รู้จักเปิดโลกทัศน์
 
          หนึ่งปีให้หลังการสัมภาษณ์ ปี 1996 สตีฟ จ็อบส์ ก็ขายบริษัทเน็กซ์ให้แอปเปิล และกลับไปบริหารองค์กรที่เขาก่อตั้งซึ่งอยู่ในภาวะใกล้ล้มละลายเต็มทีเขากอบกู้แอปเปิลจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐอเมริกา พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายที่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ผู้คนทั่วโลกในยุคดิจิทัลไปอย่างสิ้นเชิง
 
          ติดตามสารคดี “สตีฟ จ็อบส์ คำให้การอัจฉริยะปากกล้า” ในรายการเวิลด์ฟิล์ม วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายนนี้ เวลา 19.00 น. ทางเนชั่นทีวี 22

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ