ข่าว

สอบรุกป่า5จุดนำร่องหุบเขาไฮโซ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมป่าไม้เรียกสอบเอกสาร 5 จุด นำร่องบนหุบเขาไฮโซ ยันทุกขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย - ยุติธรรมต่อทุกฝ่าย


               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกรมป่าไม้พบว่า ในพื้นที่ตำบลบ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ พื้นที่ประมาณ 117.34 ตารางกิโลเมตร มีจำนวน 11 หมู่บ้าน อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลตำบลบ้านปง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้าง ป่าแม่ขนิน และพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย รวมทั้งมีเขตติดต่ออุทยานแห่งชาติออบขาน แต่พื้นที่ทำกินและอยู่อาศัยของชาวบ้านก็ถูกจัดสรรตามโครงการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ตามมติ ครม.ปี พ.ศ. 2554 และบางส่วนเป็นเขตที่ดินของเอกชนที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ ขณะที่เมื่อกลุ่มนายทุนต่างมาลงทุนซื้อที่ดินและพัฒนาสร้างความเจริญในพื้นที่จำนวนมาก จึงถูกจับตาถึงความถูกต้องของการออกโฉนดและการก่อสร้าง โดยเฉพาะ 6 จุดนำร่องที่อธิบดีกรมป่าไม้ชี้เป้าด้วยตัวเอง

               โดยตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่ดิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้บูรณาการกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบความถูกต้อง ของพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศ 6 จุดนำร่องใน หุบเขาไฮโซ ต.บ้านปง ตามที่อธิบดีกรมป่าไม้ตีกรอบไว้ และหลังจากที่ได้มีการเผยโผรายชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว ก็พบว่า ผู้ครอบครองหรือเจ้าของโครงการ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนใหญ่และเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล

               จุดที่ 1-3 อยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านทุ่งโป่งเหนือ อาทิ จุดที่ 1 เป็นรีสอร์ทชื่อ พิงพนาวัลเล่ย์ เจ้าของคือ นายวินัย หอมไม่หาย จุดที่ 2 เป็นโฮมสเตย์ชื่อ โอลีฟโฮม (Olive Home) เจ้าของคือ นางอรพินทร์ ยุทธนาภูมิ ส่วนจุดที่ 3 เป็นบ้านพักตากอากาศ เจ้าของคือ นายประยงค์ ด้วงศรี และ พล.ต.ต.นิยม ด้วงศรี รรท.ผบก.ภ.จว.ลำปาง ส่วนจุดที่ 4-5 อยู่ในหมู่ที่ 3 บ้านเก๊าเดื่อ ได้แก่ บ้านพักตากอากาศที่ทราบว่าเป็นกัปตันเครื่องบินสายการบินแห่งหนึ่ง จุดที่ 5 เป็นรีสอร์ทชื่อ บ้านไร่นราธี ทราบชื่อเจ้าของคือ นายอำนาจ จิตรการ และจุดที่ 6 เป็นรีสอร์ทชื่อ ภูเขางาม เจ้าของที่ดินได้แก่ นายอินถา ชัยยา อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5

               นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบ ใน 6 จุดเป้าหมาย พื้นที่ หมู่ 4 หมู่ 3 และหมู่ 10 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีการเก็บรายละเอียดว่าภายในพิกัดเป้าหมายทั้ง 6 จุดนั้น มีสิ่งก่อสร้างชนิดใดบ้าง มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่และผู้ครอบครองที่ดิน มีการซื้อขายโฉนดอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยได้มีการเชิญให้เจ้าของที่ดิน หรือผู้ดูแลพื้นที่ก่อสร้างดังกล่าว มาร่วมนำชี้จุดขอบเขตพื้นที่ของตน ซึ่งเบื้องต้นเหลือเพียง บ้านพักตากอากาศ ในหมู่ที่ 3 ที่ทราบว่าเป็นของกัปตันสายการบินแห่งหนึ่งที่ยังไม่แสดงตัวและนำเอกสารมายืนยัน โดยจากการประสานงานผ่านตัวแทนทราบว่าทางเจ้าของจะนำใบโฉนดมาแสดงในวันพรุ่งนี้ (22 มิถุนายน)

               ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจเปรียบเทียบระหว่างข้อมูลแผนที่ครอบครองที่ดินของกรมป่าไม้และกรมที่ดิน ร่วมกับภาพถ่ายทางอากาศ และเทคโนโลยีดาวเทียมมาร่วมกันเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุดและได้มีการนำเครื่องมือรับสัญญาณดาวเทียมระบบ GPS ความละเอียดสูง ที่สามารถรับสัญญาณได้ 2 คลื่นความถี่ มีความคลาดเคลื่อนเพียง 2 มิลลิเมตร มูลค่าตัวละกว่า 1 ล้านบาท นำมาใช้ตรวจวัดความถูกต้องของพื้นที่ทั้ง 6 จุด และตรวจสอบว่ามีการรุกล้ำเกินพื้นที่โฉนดเข้าไปในป่าสงวนหรือไม่อีกด้วย ซึ่งขณะนี้ทางที่ดินจังหวัดเชียงใหม่กำลังลงรายละเอียดสิ่งก่อสร้างภายในที่ดินทั้งหมด ก่อนจะส่งกลับมาให้ทางป่าไม้เพื่อตรวจความถูกต้องอีกครั้ง

               จากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศและการระบุพื้นที่ก่อสร้างตามโฉนดที่ดินเบื้องต้น พบว่า 5จุดแรก ค่อนข้างพื้นที่โฉนดและการชี้พิกัดทางดาวเทียมค่อนข้างใกล้เคียงกัน มีเพียงจุดที่ 6 ที่กำลังสร้างเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา ชื่อว่า ภูเขางามรีสอร์ท ในพื้นที่ 7 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา ใน หมู่ 10 บ้านใหม่สันขะยอม ที่มีปัญหาเนื่องจากพบว่า มีพื้นที่นอกโฉนดที่ระบุไว้เกินมากว่า 10 ไร่ นอกจากนั้นยังพบว่าพื้นที่ทั้งหมดของการก่อสร้างยังอยู่ภายในเขตพื้นที่ป่าสงวนอีกด้วย ดังนั้น การก่อสร้างอย่างไรก็ผิดกฎหมายแม้จะยืนยันว่าซื้อขายและมีการออกโฉนดถูกต้องก็ตาม ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าการออกโฉนดที่ดินดังกล่าวได้มาอย่างไรต่อไป

               ด้าน นายชูชาติ รักษาวงศ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ สาขาหางดง กล่าวว่า จากข้อมูลที่ตรวจสอบพบว่า ภูเขางามรีสอร์ท เดิมเป็นที่ดินของนายอินถา ชัยยา อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ก่อนจะนำไปจำนองและถูกพัฒนาโดยนางสุจรรยา เชี่ยวสงวน เดิมทีเคยถูกตรวจสอบและยืนยันโดยกรมป่าไม้แล้วว่าอยู่นอกเขตป่าสงวน และได้มีการเดินสำรวจตั้งแต่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้จำนวนกว่า 20 นาย ลงลายชื่อรับรองว่าที่ดินดังกล่าวอยู่นอกเขตป่าสงวน ก่อนที่จะมีการสำรวจอีกครั้งเมื่อ 16 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา บทสรุปเบื้องต้นกลับกลายเป็นว่าพื้นที่ทั้งหมดรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้าง แม่ขนิน ดังนั้นไร่สวน ของชาวบ้านที่อยู่รอบข้างที่ดิน 2 แปลง ของภูเขางามรีสอร์ท ก็จะต้องถูกตรวจสอบตามไปด้วย

               เป็นที่น่าสังเกตว่า การปักปันเขตป่าของกรมป่าไม้ยังค่อนข้างคลาดเคลื่อน เพราะก่อนปี 2557 ที่ดินดังกล่าวก็ยังอยู่นอกเขตป่าสงวน ทางกรมที่ดินจึงได้มีการรังวัดและออกเอกสารโฉนดให้กับประชาชนที่มายื่นเรื่องได้อย่างถูกต้อง ส่วนทางเจ้าของที่ดินและนักลงทุนก็ได้มีการดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ก่อนที่จะมีการก่อสร้างรีสอร์ทและบ้านพักจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน และทางอธิบดีกรมป่าไม้ได้เดินทางมาสำรวจ กระทั่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้นำแผนที่เขตป่ามาแสดงว่าอยู่ในเขตป่าสงวน ดังกล่าวเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2559 

               หากว่ากันตามหลักเพื่อความเป็นธรรมกับชาวบ้าน รวมทั้งนักลงทุน ควรพิจารณาจากการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวย้อนหลังไปว่า มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวจริงหรือไม่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ก่อสร้างรีสอร์ทหรือบ้านพัก เพราะว่าชาวบ้านปักหลักอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาหลายอายุคน สังเกตได้จากวัดเก่าที่อยู่ในหมู่บ้านมีอายุกว่า 200 ปีมาแล้ว ก่อนที่จะมีประกาศพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เมื่อปี 2524 ที่ประกาศทับที่ดินทำกินและใช้ประโยชน์ของชาวบ้าน ซึ่งป่าไม้เองเป็นผู้ขีดแบ่งเขตแดนตั้งแต่ต้น ควรพิจารณาลดหย่อนได้ตามสมควร

               หากยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวน นักลงทุนคงได้รับความเดือดร้อนหนัก เนื่องจากการก่อสร้างที่มีการลงทุนไปแล้วหลายล้านบาทคงสูญเปล่า อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางป่าไม้ และที่ดินจังหวัด จะได้มีการเปรียบเทียบแผนที่ที่ยังค่อนข้างมีความคลาดเคลื่อน รวมทั้งตรวจเอกสารโฉนดและการอนุญาตก่อสร้างทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับสิ่งปลูกสร้างที่ผิดกฎหมายหรือได้มามิชอบรวมทั้งรุกที่ป่าสงวน ภายในระยะเวลาอันใกล้ และขยายผลไปยังโฮมสเตย์และรีสอร์ทอีกว่า 30 แห่งในพื้นที่ต่อไป

               ขณะที่ นายไกรสร บุญธิ ผู้ดูแลรีสอร์ท ภูเขางาม กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการก่อสร้างรีสอร์ท ได้มีการตรวจสอบว่าไม่มีการรุกล้ำป่าสงวนอย่างรอบคอบแล้ว มิฉะนั้นคงไม่กล้าลงทุนปลูกสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเจ้าหน้าที่ ที่ดินและป่าไม้เข้ามาตรวจสอบหลายรอบแล้ว ก็พบว่า ที่ดินนี้ อยู่นอกพื้นที่ป่าสงวน มีรั้วรอบชัดเจน โฉนดออกอย่างถูกต้องสมบูรณ์ หลังจากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาขอตรวจอีก และทุกครั้งก็พบว่าถูกต้องทุกครั้ง ก่อนที่ล่าสุดจะถูกตรวจสอบอีกครั้งเป็นครั้งที่ 6 แล้วกลับกลายเป็นพื้นที่ป่าสงวนและผิดกฎหมาย หากจะยึดคืน ก็คงจะต้องเสียหายอย่างมากเพราะลงทุนไปจำนวนมาก การก่อสร้างดำเนินไปกว่าร้อยละ 40 แล้ว

               ที่ดินทั้ง 2 แปลงที่ก่อสร้างรีสอร์ท มีเอกสารโฉนด คือโฉนดที่ดินเลขที่ 63788 และ 65132 ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ แบ่งเป็น 1. โฉนดใบแรกเป็นของนายอินถา ชัยยา เนื้อที่ 5 ไร่ 96 ตารางวา และ 2. โฉนดใบที่ 2 เป็นของ นางสุจรรยา เชี่ยวสงวน เนื้อที่ 2 ไร่ 24 ตารางวา รวมเป็นเนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา ซึ่งที่ดิน ของนายอินถา เดิมเป็นของ นายปั๋น ใจมัน และนางปลา ใจมัน ที่เป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2492 ต่อมา ตกทอดมายังบุตรหลาน กระทั่งนายจิต ใจมัน ผู้เป็นหลาน จึงได้ขายต่อให้กับนายอินถา เมื่อปี 2538 และได้มีการทำประโยชน์ในการปลูกพืชไร่ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั้งตำบล และได้ออกโฉนดหมายเลข 63788 ให้แก่นายอินถา และถือครองมาจนปัจจุบัน

               ส่วนที่ดินของนางสุจรรยา เดิมเป็นของนางมูล มหาวัน ซึ่งเป็นญาติกับ นายปั๋น ใจมัน และได้ครอบครองและทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี 2492 เช่นกัน ก่อนที่จะขายต่อให้แก่ นางสุจรรยา เมื่อปี 2549 ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ที่ดินเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั้งตำบล และได้ออกโฉนดหมายเลข 65132 ให้แก่นางสุจรรยา เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2552 และได้ครอบครองและทำประโยชน์ทางการเกษตรต่อเนื่องก่อนจะนำที่ดินทั้ง 2 แปลง มารวมกันเพื่อสร้างเป็นรีสอร์ท เมื่อราวปี 2558 ที่ผ่านมา ส่วนที่ดินที่เกินมา 10 ไร่ ส่วนหนึ่งเป็นที่ดินพื้นที่นอกโฉนดที่ได้ซื้อไว้แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการขอเอกสาร และพื้นที่ อีกกว่า 3-5 ไร่ ที่เป็นของกรมทางหลวงที่ไม่ได้มีการบุกรุก แต่ถูกเหมารวมไปด้วย

               “อยากวอนขอความเป็นธรรม เพราะตนก็เป็นประชากรที่อยู่มาโดยกำเนิดในพื้นที่ เพียงแต่เปลี่ยนจากชาวบ้านมาทำธุรกิจ ซึ่งชาวบ้านก็อยู่อาศัยกันมาร่วม 200 ปี สืบทอดกันมา 3 ชั่วคน ที่ดินก่อสร้างรีสอร์ทของตนก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้มีการทำประโยชน์มาแล้วหลายสิบปี ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการเดินสำรวจทั้งตำบล ไม่ใช่แค่แปลงดังกล่าวที่เดียว และออกโฉนดมาพร้อมๆ กันทั้งตำบล ตนจึงยังมั่นใจว่าตนถูกต้องเพราะเอกสารที่ได้รับมอบมา ก็ได้มาจากหน่วยงานราชการกรมที่ดิน จากที่ยื่นขอตามระเบียบกฎหมาย” นายไกรสร กล่าว

               ด้าน นายสมชัย มาเสถียร รองอธิบกรมป่าไม้ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารสิทธิให้ละเอียดเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีการนำแสดงเอกสารสิทธิที่ดินบางส่วน ต้องเอาภาพถ่าย 5 ชั้นปี มาตรวจสอบว่าในอดีตมีการทำกินตามเอกสารสิทธิหรือไม่ และได้มาโดยชอบหรือไม่ซึ่งต้องใช้ขั้นตอนที่ละเอียดและตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อความถูกต้อง หากพบว่า มีการออกโฉนดที่ดินไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เช่น เพิกถอนโฉนด และตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ออกอนุญาตโฉนดดังกล่าวต่อไป
 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ