ข่าว

"ปปป." จับ อดีตผจก.แบงก์ - อดีตผญบ. หลอกชาวบ้าน "กู้เงิน" เชิดหนีกว่า 40 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ปปป." จับ อดีตผู้จัดการธนาคาร ร่วมมือ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หลอกชาวบ้าน "กู้เงิน" ก่อนเชิดเงินหนีไปกว่า 40 ล้านบาท

กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ "ปปป." จับ อดีตผู้จัดการธนาคาร ร่วมมือกับ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หลอกชาวบ้าน "กู้เงิน" ก่อนเชิดหนีไปกว่า 40 ล้านบาท สืบเนื่องจากระหว่างปี พ.ศ. 2555 - 2559 อดีตผู้จัดการธนาคารสีชมพูแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ได้มีชาวบ้านรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อมาขอกู้เงินนำไปพัฒนาองค์กรชุมชน ตามโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชนบท แบบรายกลุ่มและนอกจากนั้นยังสามารถกู้เป็นในส่วนของรายบุคคลได้ โดยร่วมมือกับอดีตผู้ใหญ่บ้าน ต.แก่งโสภา โดยให้อดีตผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่เป็นผู้หาลูกค้าที่เป็นชาวบ้านในชุมชนของตนเอง เพื่อมากู้เงินนำไปพัฒนาชุมชน

 

 

ชาวบ้านบางคนก็มีสิทธิ์ที่จะกู้ได้ บางคนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ได้ทำการหลอกลวงชาวบ้านว่า หากต้องการที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องกู้เงินให้ได้มียอดเยอะๆ โดยขอส่วนแบ่ง เป็นเงินกู้ครึ่งหนึ่งและจะช่วยผ่อน หากทำตามนี้จะได้รับการอนุมัติเงินกู้อย่างง่ายๆ แต่สุดท้าย เมื่อได้ครึ่งหนึ่งของเงินกู้ตามที่ชาวบ้านร้องขอไปแล้วกลับเชิดเงินหนี รวมยอดความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท ชาวบ้านแห่ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก จึงลาออกแล้วหลบหนีลอยนวล จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ ตำรวจ บก.ปปป. บุกรวบจับได้ 

 

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำทีมงานออกสืบสวนกรณีดังกล่าวข้างต้น จนพบว่า พบ อดีตผู้จัดธนาคาร หลบหนีมากบดานเปิดแผงพระเครื่องย่านรังสิต ส่วน อดีตผู้ใหญ่บ้าน หนีไปเป็น รปภ. ตามบริษัทต่างๆ ใน จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพ ทำจริง และรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก และยังไม่เคยถูกจับมาก่อน

 

 

จากการสอบถามปากคำเบื้องต้น อดีตผู้ใหญ่บ้านแก่งโสภา ชื่อ นายทองสุข (สงวนนามสกุล) รับว่า ตนได้ร่วมมือกับ อดีตผู้จัดการธนาคารสีชมพูแห่งหนึ่ง ชื่อ นายมงคล (สงวนนามสกุล) หาลูกค้าเป็นชาวบ้านในชุมชนตัวเอง มาเพื่อกู้เงินในโครงการพัฒนาองค์กรชุมชน โดยสามารถกู้เงินจากธนาคารได้ ทั้งแบบกลุ่ม และแบบรายบุคคล โดยอ้างเหตุจูงใจว่า หากชาวบ้านท่านใดที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะกู้เงินตามโครงการ แต่ต้องการจะกู้ ให้เขียนยอดกู้เผื่อตนกับผู้จัดการธนาคารเพิ่มอีกเท่าตัวของจำนวนเงินที่ตั้งใจไว้ และรับปากว่า จะช่วยผ่อนชำระเพื่อให้ชาวบ้านคนนั้นๆ ได้รับเงินไปใช้ก่อน ตามจำนวนที่ต้องการ แต่สุดท้าย ตนเหมือนถูกผู้จัดการธนาคารหลอกใช้ อ้างว่า นอกจากตนจะไม่ได้ส่วนแบ่งแล้ว ยังมาถูกดำเนินคดี มีหมายจับติดตัวอีก ส่วนตัวตามหาผู้จัดการอยู่ตลอด แต่ติดต่อไม่ได้ 

 

ในส่วนของ นายมงคล (สงวนนามสกุล) อดีตผู้จัดการธนาคาร ให้การรับสารภาพว่า ทำจริง แต่ก็ไม่ได้อยู่สบาย เพราะถูกดำเนินคดีอื่นๆ อีกหลายคดี ยึดทรัพย์จนหมดตัว หลบหนีมาขายพระเครื่องย่านรังสิต-ฟิวเจอร์พาร์ค หากินไปวันๆ และไม่ติดต่อกับใครหรือกลับบ้านเกิดแต่อย่างใด

 

แจ้งข้อหา นายมงคล (สงวนนามสกุล) อดีต ผจก.แบงก์ ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, ฐานเป็นพนักงาน ใช้อำนาจในหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่วน นายทองสุข อดีต ผญบ. แจ้งข้อหา ว่ากระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงาน

 

โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ มูลค่าทรัพย์ที่เสียหาย คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท  การกระทำดังกล่าวนี้ อาจเกิดอยู่ในหลายหน่วยงานที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจัง หรือมีการกระทำเป็นลักษณะขบวนการที่แนบเนียน อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่ง บก.ปปป. ไม่สามารถปล่อยให้ลอยนวลอยู่ได้

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ